วัย 4-5 ขวบวัยกำลังซนกำลังโต ช่วงนี้เด็กแต่ละคนอาจจะโตไม่เท่ากัน คุณแม่อาจไม่แน่ใจว่าควรให้ลูกกินอาหารในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ในหลักการทางการแพทย์ บอกไว้ว่าลูกน้อยในวัย 4 - 5 ปี ต้องการพลังงานและสารอาหารใน 1 วัน ประมาณ 1,450 กิโลแคลอรี่
แบ่งสัดส่วนดังนี้
คาร์โบไฮเดรต 50-60%, โปรตีน 10-15% ไขมัน 25-30%
ปริมาณอาหารที่ลูกวัยนี้ควรได้รับในแต่ละวัน
คาร์โบไฮเดรตหรือแป้ง : 2 ½ – 3 ถ้วยตวง (ประมาณ 5 - 6 ทัพพีต่อวัน) เช่น ข้าวสวย ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว วุ้นเส้น มะกะโรนี
โปรตีน : 3 ½ – 4 ช้อนโต๊ะ…
ทุกวันนี้เราพบว่าเด็กเล็กมีการแพ้อาหารกันมากขึ้น อาการแพ้มีตั้งแต่ระดับอ่อนไปจนถึงขั้นรุนแรง จึงควรดูแลให้ลูกหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ค่ะ มาดูกันว่าอาหารประเภทไหนบ้างที่ติดอันดับ Top 6
1.นมวัว เด็กเล็กมีโอกาสแพ้โปรตีนในนมวัวได้ง่าย พบว่าคุณแม่ที่ดื่มนมมาก ๆ ระหว่างท้องและให้นม ลูกจะมีโอกาสแพ้นมวัวง่าย
2.ไข่ พบบ่อยว่าแพ้ในช่วงขวบปีแรก และมักจะหายไปเมื่ออายุประมาณ 9 ปี โอกาสแพ้ไข่ขาวมีมากกว่าไข่แดง เด็กเล็กควรเริ่มกินไข่แดงก่อน อาจเริ่มไข่ขาวตอน 8 เดือนหรือ 1 ขวบ
3.อาหารทะเล ไม่ใช่แต่กุ้งและปูเท่านั้นที่แพ้ ยังมี หอย และปลาหมึก ปลาก็มีโอกาสแพ้ได้ทั้งปลาทะเลและปลาน้ำจืด
4.ถั่วลิสง ถั่วเปลือกแข็งพวกลูกนัทต่าง ๆ และถั่วเหลือง รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ เต้าเจี้ยวทำจากถั่วเหลือง อาการแพ้ถั่วมักไม่หายไปเมื่อโต
5.ข้าวสาลี มีในอาหารและขนมหลายชนิด และเป็นส่วนผสมของซีอิ๊วหรือซอสบางอย่าง
6.อาหารแปรรูป ที่มีส่วนผสมของอาหารที่แพ้ เช่น ไข่ ถั่ว ข้าวสาลี อาหารทะเล อาจรับประทานเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เช่น ซอส เต้าหู้ กะปิ อาหารหรือขนมที่ผสมแป้งสาลี…
เมื่อเด็กเล็ก ๆ เป็นหวัดอาการมักจะรุนแรงกว่าเด็กโต เพราะร่างกายยังอ่อนแอ สามารถเกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น โรคหลอดลมอักเสบหรือปอดบวม และยังดูดนมไม่สะดวกจากอาการคัดจมูกมีน้ำมูก
มีวิธีดูแลมาฝากค่ะ
ให้วัดปรอทดูว่ามีไข้หรือไม่ ถ้าไม่มีคอยดูแลให้ร่างกายลูกอบอุ่น ไม่ต้องให้นอนก็ได้ถ้าลูกไม่อยากนอน ถ้าลูกมีไข้ขึ้นสูงประมาณ 38 องศาเซลเซียส และไข้ไม่ลดลงในเวลา 4-6 ชม. ควรให้ลูกนอนพัก เช็ดตัวและให้ยาลดไข้ หรือพาไปพบคุณหมอ สังเกตน้ำมูกลูก ถ้าน้ำมูกข้นมีสีเหลืองหรือสีเขียว อาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อน แต่ถ้าน้ำมูกใสอาจเกิดจากโรคแพ้ฝุ่นละอองเกสรต่าง ๆ ลองปรึกษาคุณหมอค่ะ ไม่ควรซื้อยากแก้ไอให้ลูกกินเอง ควรพาลูกไปพบคุณหมอ ซึ่งคุณหมออาจให้ยาแก้ไอหรือยาขับเสมหะถ้าลูกไอมาก ควรพาลูกไปพบคุณหมอ ถ้าสงสัยว่าลูกมีอาการติดเชื้ออื่นร่วมด้วย หรือลูกมีอาการไม่ยอมกินข้าว หรือไอจนนอนไม่หลับ หรือมีอาการกระวนกระวายผิดปกติ เมื่อไปพบคุณหมอแล้วใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยาเองติดต่อกันเป็นเวลานาน ยกศีรษะลูกให้สูงเวลานอนโดยใช้หมอนหนุนใต้ที่นอน เพื่อช่วยให้ลูกหายใจสะดวกขึ้น ให้ลูกจิบน้ำบ่อย ๆ อาจเป็นน้ำอุ่น น้ำมะนาวผสมเจือจาง ให้น้ำหวานที่ลูกชอบด้วยก็ได้ ให้ดื่มน้ำก่อนนอน เพราะเป็นไข้ร่างกายสูญเสียน้ำ สอนให้ลูกสั่งน้ำมูกอย่างถูกวิธี โดยให้สั่งน้ำมูกทีละข้าง ให้ลูกนอนในห้องที่มีอากาศถ่ายเทดี ควรทำห้องให้ชื้น หรือตั้งอ่างไว้ใต้เครื่องปรับอากาศเพื่อให้น้ำระเหย จะทำให้ลูกหายใจได้คล่องขึ้น ใช้น้ำมันหอมระเหย เช่น ยูคาลิปตัส…
อากาศชื้น ๆ เย็น ๆ อย่างนี้โรคมือเท้าปากระบาดได้ง่าย พบได้บ่อยในเด็กเล็กช่วงอายุระหว่าง 1-3 ปีค่ะ
รับเชื้อโรคมาจากไหน
มือเท้าปากเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ยังไม่มียาเฉพาะที่ฆ่าเชื้อโรคได้ มักติดต่อโดยการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นจากการกินอาหารที่มีเชื้อโรค สัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย รวมไปถึงอุจจาระแล้วนำมือเข้าปาก การอยู่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างตามโรงเรียน เนอสเซอรี่ เด็ก ๆ จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
สังเกตอาการลูกเล็กไม่ยอมกิน
ลูกอาจมีอาการป่วยคล้ายกับหวัด มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อนอนไม่หลับหรือหลับมากกว่าปกติ ขอดื่มแต่น้ำเย็น นอกจากอาการตุ่มสีแดงขึ้นบริเวณมือ เท้า ปากแล้ว ในเด็กเล็กที่ยังบอกอาการไม่ได้ คุณแม่อาจไม่ทราบว่าลูกเจ็บปาก ลองสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร ไม่ดื่มน้ำ น้ำลายไหล
อาการนี้ต้องพบคุณหมอ
ถ้ามีไข้สูง หรือรับประทานอะไรไม่ได้ ดูซึมลง ปัสสาวะออกน้อยลง หรือสีเข้มขึ้น ควรรีบพาไปหาคุณหมอ คุณหมอจะให้ยารักษาตามอาการ เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก…
สิ่งสำคัญหนึ่งที่ช่วยให้ลูกปลอดภัยจากโรคติดเชื้อในช่วงหลังคลอดได้ คือ การฉีดวัคซีนให้แม่ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์
ซึ่งช่วยลดการเกิดโรคหลายชนิดที่เป็นในคุณแม่ได้ และยังสามารถส่งผ่านภูมิคุ้มกันไปถึงลูกในท้อง ส่งต่อภูมิคุ้มกันจนกระทั่งลูกเกิดมาลืมตาดูโลก แต่อย่างไรก็ตามจะต้องไม่ลืมพาลูกรักไปรับการฉีดวัคซีนอย่างตอ่ เนอื่งใหครบตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ จึงจะช่วยป้องกันโรคอย่างได้ผลที่สุด
รู้จัก 6 โรคสำาคัญ ที่ต้องป้องกันด้วยวัคซีน
ลูกรักวัยแรกเกิดจนถึง 1 ขวบ การฉีดวัคซีนทุกชนิดให้ครบกำหนดจะต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 16-20 ครั้ง ทำให้ลูกรักเจ็บตัวหลายหน จึงทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนรวมที่มีประสิทธิภำพ ครอบคลุมโรคต่ำงๆ ที่เด็กจะต้องฉีดป้องกันตำมเกณฑ์ 6 โรคได้แก่ คอตีบ บาดทะยัก โปลิโอ ตับอักเสบบี ไอกรน และเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้เจ็บตัวน้อยลง แต่ยังช่วยลดควำมยุ่งยำก ลดค่าใช้จ่าย มีความปลอดภัย ช่วยให้ได้รับวัคซีนครบทุกชนิดมากกว่าการแยกฉีด เพราะวัคซีนรวม 6 โรคสามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนอื่นๆ ที่ต้องฉีดในช่วงอายุนั้น และทำให้มีไข้น้อย เช่น วัคซีนไอกรนจะใช้ชนิดที่ไม่มีตัวเชื้อ หลังฉีดทำให้ร้องกวนหรือเป็นไข้น้อยลง
Q : ลูกกำลังเล่นเพลินจะถึงเวลากินข้าวอยู่แล้ว เรียกให้กินข้าวแต่ไม่ยอมมาจะทำยังไงดี ?
A : ลูกกำลังนั่งเล่นอยู่แล้วคุณแม่พูดว่าเลิกเล่นได้แล้วเก็บของเล่นไปกินข้าว เขากำลังเพลินอยู่ดี ๆ ถูกตัดฉับ ให้หยุดทันทีเด็กจะปรับตัวไม่ทัน การที่ลูกกินข้าวช้าไปอีก 30 วินาทีไม่เป็นอะไรค่ะ เราเข้าไปหาเขาชวนคุย ไหนเล่นอะไรคะลูก เล่นกับเขาอีกซัก 30 วินาที แล้วพูดขึ้นว่าคุณแม่หิวข้าวแล้ว อาจจะแตะที่ท้องลูก แล้วหนูหิวแล้วหรือยัง เป็นการค่อย ๆ เปลี่ยนอารมณ์ลูก
การให้เด็ก ๆ เก็บของเล่นให้ได้ผลอย่าสั่งว่าเก็บของเล่นเดี๋ยวนี้ ควรปลูกฝังเขาทีละน้อยเรื่องการเล่นแล้วเก็บ ส่วนใหญ่คนเป็นพ่อแม่มักจะใจร้อน สั่งแล้วต้องทำเดี๋ยวนี้ เรากำลังสร้างให้ลูกของเรากลายเป็นคนขี้โมโหหรือขี้หงุดหงิด
การปลุกให้ลูกตื่นนอนตอนเช้าก็เช่นกัน ลูกกำลังฝันหวาน แม่สั่งให้ตื่นต้องไปโรงเรียน สภาวะจิตปรับไม่ทัน สังเกตดูว่าวันไหนรีบจะโดนต่อต้าน ลูกอาจไม่ยอมอาบน้ำ ไม่ยอมลุกจากที่นอน เพราะฉะนั้นเวลาปลุกลูกจึงควรปลุกเขาเบา ๆ บอกให้เวลาอีกสัก 2 นาทีนะ ให้รู้ตัวก่อน นาฬิกาปลุกเรายังมีปุ่ม snooze กับลูกก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าต้องตื่นเดี๋ยวนี้ ให้ลูกได้เตรียมตัวเตรียมใจสักนิด
การสอนให้ลูกมีระเบียบวินัย ควรใช้ความสม่ำเสมอ…
ภาพเด็กให้อาหารท่ามกลางฝูงนกพิราบไม่ใช่ภาพน่ารักน่าเก็บความประทับใจอีกต่อไป เพราะนั่นหมายถึงการชักนำโรคร้ายที่น่าสะพรึงกลัวมาสู่ลูกตัวน้อยของเรา แต่ละโรคอันตรายมากค่ะ
ในมูลนกพิราบมีเชื้อโรค Cryptococcus neoformans ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบทั้งในเด็กและผู้ใหญ่สูงถึงร้อยละ 9.09 และยังมีโรคต่าง ๆ จากไวรัส เชื้อรา และแบคทีเรียอีกหลายโรค
สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวสามารถรับเชื้อจากนกพิราบเช่นเดียวกับคนค่ะ ถ้านกอาศัยในบริเวณบ้านสุนัขหรือแม่อาจสัมผัสกับมูลนก หรือคาบนกมาเล่นก็จะรับเชื้อโรคได้
ขอแนะนำคุณพ่อคุณแม่หลีกเลี่ยงการให้ลูกเข้าไปใกล้ฝูงนกพิราบหรือบริเวณที่มีนกพิราบถึงแม้ว่าจะมีแค่ตัวเดียวหรือไม่กี่ตัวก็ตามค่ะ
เสี่ยงหลายโรคอันตราย
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคไวรัสตับอักเสบซี โรคไข้หวัดนก โรคปอดอักเสบเฉียบพลัน โรคไข้กาฬหลังแอ่น โรคเชื้อราในปอด
*นอกจากนี้ยังทำให้มีอาการท้องเสีย อุจจาระร่วง และยังมี ไรจากตัวนกพิราบที่ฟุ้งกระจายเมื่อนกกระพือปีกอันตรายต่อคนเป็นภูมิแพ้
ติดเชื้อง่ายมาก ๆ
จากการสัมผัสสารคัดหลั่งในตัวนกโดยตรง เช่นอุจจาระน้ำมูกน้ำลาย จากการอยู่ใกล้ชิดกับนก อยู่กลางฝูงนกขณะที่โปรยอาหาร นกกระพือปีก นกบินไปมาเชื้อจะเข้าสู่จมูก
ใครมีโอกาสเสี่ยงรับเชื้อโรคบ้าง
เด็ก คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ ผู้สูงอายุ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้…
วัย 1-3 ปีเป็นวัยที่ลูกกำลังพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง และพฤติกรรมหนึ่งที่คุณแม่ไม่ชอบใจเลยก็คือการกรี๊ดของลูกน้อย รวมทั้งอาการเอาแต่ใจลงไปร้องดิ้น พระคุณลูกกรี๊ดคุณแม่โกรธบรรยากาศก็จะตึงเครียด
มาดูวิธีรับมือกับลูกวัยกรี๊ดกันค่ะ
1.เตรียมใจลูกก่อนเจอกับสถานการณ์ คุณแม่สังเกตดูว่าลูกมักจะกรี๊ดเมื่อไหร่ด้วยเหตุผลอะไร เช่น พาไปเที่ยวห้างแล้วไม่ซื้อของเล่นให้จะร้องดิ้น ควรทำความตกลงกันก่อน
2.เบี่ยงเบนความสนใจ หรือหาสิ่งที่สนุกกว่ามาหลอกล่อ เช่น พาลูกออกไปเล่นที่สนามเด็กเล่น แล้วลูกเล่นเพลินไม่ยอมเลิก อาจจะบอกเขาว่าน่าเสียดายจัง ถ้าไปช้าอดกินขนมร้านโปรด
3.ฝึกให้ลูกสื่อสารอย่างเหมาะสม อาการกรี๊ดเกิดจากไม่ได้ดั่งใจและยังเกิดจากการที่เด็กไม่รู้ว่าจะพูดหรือจะบอกอย่างไร คุณแม่ค่อย ๆ สอนเขาค่ะ ว่าถ้าต้องการอะไรให้พูดอย่างไร สอนให้เขาบอกความรู้สึกต่าง ๆ เสียใจ โกรธ ไม่ชอบ ไม่อยากทำ กลัว ฯลฯ
4.ทำใจให้สงบ ไม่โกรธ อาจจะนับ 1-10 หรือนับไปเรื่อย ๆ ค่ะคุณแม่ การที่คุณแม่ไม่โกรธ สถานการณ์จะดูคล้ายกับว่าคนหนึ่งโกรธและหาคนทะเลาะด้วยไม่ได้ก็จะสงบลงไปเองคุณแม่ยิ่งโกรธยิ่งบานปลายเพราะฉะนั้นสงบนิ่งเลยค่ะ
5.ปล่อยให้กรี๊ด ถ้าลูกร้องกรี๊ดหรือลงไปร้องดิ้นเพราะความเอาแต่ใจ คุณแม่ปล่อยเขาเต็มที่เลยค่ะ เมื่อลูกเห็นว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลก็จะเลิกไปในที่สุด แต่คุณแม่ต้องคอยดูให้อยู่ในสายตาด้วยนะคะ
นอกจากใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อลดอาการกรี๊ดของลูกแล้ว…
Q เวลาห้ามลูกอย่างเช่น หยุดเล่นก่อนนะเดี๋ยวค่อยเล่นต่อ หรือน้องเล่นกับพี่แรงเกินไปแม่บอกให้หยุดก็ไม่หยุดยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ จะมีวิธีจัดการอย่างไร ?
A : ประเด็นแรกก็คือถ้าพูดแล้วลูกไม่เชื่อฟัง เวลาตัวเราจะสั่งหรือบอกลูกให้ทำตามเรามีความสม่ำเสมอหรือเปล่า ถ้าแต่ละวันไม่เหมือนกัน ลูกก็จะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าต้องการให้ลูกทำตามคำพูดพ่อแม่ต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
คุณพ่อคุณแม่ควรจะไปในทิศทางเดียวกันด้วย คุณแม่บอกไปซ้ายทั้งพ่อและแม่ควรจะต้องบอกไปซ้ายด้วยกัน จังหวะในการบอกก็สำคัญ ถ้าลูกกำลังสนุกสนานเพลินอยู่กับการเล่น กำลังมีความสุขอยู่ดี ๆ พ่อแม่มาขัด เด็กปรับสภาพจิตใจไม่ทัน คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องให้เวลาเขา เช่น ลูกกำลังเล่นกันเสียงดังสนุกสนาน คุณแม่อาจจะพูดด้วยเสียงอ่อนโยนกับลูกว่าไหนกำลังทำอะไรกันคะ ลูกก็จะค่อย ๆ ปรับจิตใจ ปรับอารมณ์ได้
ถ้าเราฝึกให้ลูกค่อย ๆ ปรับอารมณ์ลูกก็จะชินกับสภาวะที่ไม่ต้องดื้อชินกับสภาวะที่ไม่ต้องกระแทกอารมณ์ แสดงความ
หงุดหงิดหรืออารมณ์รุนแรงออกมา คุณพ่อคุณแม่เองก็จะไม่ต้องกังวลใจว่าทำไมลูกเป็นคนขี้โมโหค่ะ
เรียบเรียงจาก : สัมภาษณ์ ครูเคท - ดร.เนตรปรียา มุสิกไชย ชุมไชโย
พิธีกร : แม่แอร์ Thelovelyair.com
Facebook : Mother&Care : Raising…
ก่อนลูก 3 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งเป้าค่ะ ต้องฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ได้นะคะ
ทำไมต้องฝึกในวัยนี้ ?
นั่นก็เพราะลูกกำลังจะถึงวัยเข้าเรียนอนุบาลแล้ว ถ้าเขาดูแลตัวเองได้ดีก็จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมและเพื่อนใหม่ได้ง่าย มีความมั่นใจในตัวเอง ลูกจะมีความสุขเมื่อไปโรงเรียนค่ะ
เรื่องง่าย ๆ ที่ใกล้ตัวที่พ่อแม่ต้องคอยฝึกให้ลูกมีอะไรบ้าง
คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมความพร้อมให้ลูก ก่อน 3 ขวบลูกต้องทำได้
1.เลิกขวดนมได้แล้ว ยิ่งเร็วยิ่งดี
ควรฝึกลูกดื่มนมจากแก้วหรือดูดจากหลอด การดูดขวดนมนานเกินไปฟันไม่สวย หรือนอนดูดขวดนมหลับคาปากโอกาสฟันผุมีสูงแน่นอน การดูดนมจากขวดอาจทำให้เด็กดื่มนมมากเกินไป นำไปสู่โรคอ้วนได้
กี่ขวบดี ? สามารถเลิกใช้ขวดนมได้ตั้งแต่ 1 ขวบค่ะ จะง่ายกว่าตอน 2 ขวบ ดูความพร้อมของลูกซักนิด ดูดหลอดได้ ลูกก็จะจับแก้วถนัด ยกแก้วดื่มเอง พยายามให้ลูกได้เล่นได้ใช้กล้ามเนื้อมือเพื่อให้เขามีพัฒนาการที่ดี
2.บอกลาผ้าอ้อม ฝึกให้เข้าห้องน้ำ
คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้ใช้ห้องน้ำเป็น เลิกให้ใช้กางเกงผ้าอ้อมสำเร็จรูป เริ่มฝึกจากช่วงกลางวันก่อน แล้วค่อยฝึกเลิกกางเกงผ้าอ้อมตอนกลางคืน ค่อย ๆ ฝึกกันไปค่ะจนฝึกสำเร็จ (ผ้าซับฉี่ รองฉี่ กันฉี่ ที่ลูกเคยใช้ตอนเป็นเบบี๋ นำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งตอนฝึกค่ะ)…