Warning: Undefined array key "action" in /var/www/wp-content/themes/kicker-child/functions.php on line 2
Knowledge | motherandcare - Part 33
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Knowledge

ให้ลูกกินนมแม่ได้ถึงกี่ขวบ ?

นมแม่ดีที่สุด นี่คือคีย์เวิร์ดสำหรับคุณแม่ค่ะ แล้วที่ได้ยินมาว่าควรให้นมแม่จนลูกอายุเท่าไหร่ข้อมูลจากคำบอกเล่าแต่ละคนไม่ตรงกันอาจทำให้คุณแม่สับสน นมแม่ให้ได้นานเท่าไหร่ แล้วคุณค่าทางอาหารจะลดลงไปหรือเปล่าถ้าให้ไปจนโต มาดูข้อเท็จจริงเหล่านี้กันค่ะ 1.คุณแม่สามารถให้นมลูกได้นานเท่าไหร่ก็ได้ จนลูกโตเลิกกินนมไปเองหรือจนกว่านมแม่หมดไป 2.นมแม่มีสารอาหารครบถ้วนสำหรับลูกมีภูมิคุ้มกันร่างกายและดีต่อสมองลูก ลูกวัยไหนกินนมแม่ก็ยังได้รับสารอาหารที่มีคุณค่า สารอาหารไม่ได้หายไปเมื่อลูกโต 3.ควรให้ลูกได้กินนมแม่อย่างน้อยจนกระทั่งลูกอายุ 6 เดือน ย้ำ อย่างน้อยนะคะนานกว่านั้นยิ่งดีค่ะ 4.การมีน้ำนมแม่ให้ลูกกินได้นาน ๆ ควรกระตุ้นการสร้างน้ำนมด้วยการให้ลูกดูดสม่ำเสมอหรือปั๊มนมทุก 3 ชั่วโมง 5.ลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไปเริ่มให้กินอาหารนอกจากนม และค่อย ๆ ปรับเพิ่มมื้อตามวัย 6 เดือนขึ้นไปให้อาหาร 1 มื้อเริ่มจากน้อยๆ ก่อน 9 เดือน 2 มื้อ 1 ปี 3 มื้อ เกิน 1 ปีให้กินอาหารเป็นหลัก

Read more

หอม จูบ อันตรายถึงชีวิตทารก !

ข่าวคราวเด็กทารกมีอาการป่วยอย่างรุนแรงบางรายถึงขั้นเสียชีวิตเพราะติดเชื้อจากการหอมหรือจูบจากผู้ใหญ่เกิดขึ้นเป็นระยะ ล่าสุดคุณแม่ชาวอเมริกันอบิเกล โรสผู้สูญเสียลูกสาวอายุพียง 8 วันไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 หลังจากผ่านการทำใจเป็นเวลาหลายเดือน เธอจึงเผยแพร่เรื่องราวลงเฟซบุ๊กเพื่อเป็นข้อเตือนใจคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยทารก ตามข่าวเด็กหญิงรับเชื้อจากคนที่มีเชื้อเริมมาจูบ เชื้อโรคจึงเข้าไปทำลายกระดูกสันหลัง ปอด และสมอง เรื่องน่าเป็นห่วงก็คือคนที่เป็นโรคเริมอาจไม่แสดงอาการของโรคแต่สามารถแพร่เชื้อได้ เพราะฉะนั้นการแสดงความเอ็นดูจึงต้องอดใจไม่หอมไม่จูบเด็กทารกค่ะ สาเหตุที่เชื้อไวรัส HSV-1 สาเหตุของโรคเริมดูเหมือนจะไม่ใช่โรคร้ายแรงสำหรับผู้ใหญ่ แต่กลับอันตรายต่อทารกช่วงวัยแรกเกิดเนื่องจากภูมิคุ้มกันในวัยนี้ยังไม่แข็งแรงเพียงพอ เมื่อรับเชื้อโรคนี้เข้าไปอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากเริมแล้ว การหอม จูบ หรืออุ้มเด็กโดยได้ไม่ล้างมือยังทำให้เด็กมีโอกาสติดเชื้อได้หลายชนิด เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก RSV และอีกหลายต่อหลายโรค เพื่อความปลอดภัยของลูกวัยทารก  1.ก่อนอุ้มเด็กควรล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาด 2.ไม่ควรจับใบหน้าเด็ก 3.ไม่ควรหอมแก้มหรือจูบทารก แม้ตัวคุณแม่เองก็ตาม โดยทั่วไปเรามักเข้าใจว่าเด็กทารกไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แค่หอมแค่จูบจะเป็นอะไรไปได้ เด็กอื่นอีกตั้งมากมายไม่เห็นจะเป็นอะไร ข่าวนี้คือคำตอบค่ะ  คุณแม่ที่ไม่ให้ใครมาหอมจูบลูกวัยทารก อาจจะเว่อร์เกินไป ดูน่าหมั่นไส้อนามัยจ๋า แต่คุณแม่ทำถูกแล้วค่ะ ป้องกันไว้ก่อน ไม่มีอะไรเว่อร์ไปสำหรับความปลอดภัยของลูกน้อย 

Read more

5 วิธีดูแลสะดือเบบี๋ง่ายมาก ๆ

สะดือของเด็กแรกเกิดเป็นสิ่งที่ต้องดูแลอย่างพิถีพิถัน ต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลง และทำความสะอาดอย่างถูกวิธีค่ะ สะดือแฉะ : สะดือไม่แห้งหรือมีน้ำหยดจากสะดือเวลาทารกร้องหรือเบ่ง เป็นน้ำสีเหลืองหรือเขียวและอาจมีเลือดออกซิบ ๆ สะดืออักเสบ : บริเวณรอบๆ ขั้วสะดือบวมแดงและร้อนและเด็กร้องกวน เมื่อดมดูจะได้กลิ่นเหม็นผิดปกติ เลือดออกทางสะดือ : เมื่อเอาสำลีซับจะมีเลือดติดออกมา อาจจะมีก้อนเนื้อแดงเรื่อขนาดเท่าถั่วแดงอยู่ในสะดือ สะดือโป่ง สะดือจุ่น : เด็กบางคนเมื่ออายุใกล้จะ 1 เดือน สะดือจะโป่งออกมา โดยเฉพาะเด็กร้องเก่ง การร้องจะเป็นตัวเร่งทำให้สะดือโป่งมากขึ้น ถ้าขนาดที่โป่งออกมาไม่ใหญ่จนเกินไป อาการนี้จะหายไปเองตามธรรมชาติ ตามปกติสะดือจะยุบไปเองภายใน 2-3 เดือน แต่บางคนอาจถึง 1 ปี สะดือโป่ง สะดือจุ่น : เด็กบางคนเมื่ออายุใกล้จะ 1 เดือน สะดือจะโป่งออกมา โดยเฉพาะเด็กร้องเก่ง การร้องจะเป็นตัวเร่งทำให้สะดือโป่งมากขึ้น ถ้าขนาดที่โป่งออกมาไม่ใหญ่จนเกินไป อาการนี้จะหายไปเองตามธรรมชาติ ตามปกติสะดือจะยุบไปเองภายใน…

Read more

7 พฤติกรรมพ่อแม่ทำร้ายลูก

บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่พูดหรือการแสดงออก เป็นการทำร้ายจิตใจลูก เมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้งก็ส่งผลต่อบุคลิกภาพของลูกน้อย มาสำรวจกันค่ะว่าพฤติกรรมไหนเข้าข่ายบ้าง 1.ไม่ให้ทำอะไรเอง พ่อแม่คือผู้จัดการ บริหารทุกสิ่งอย่าง โดยที่ลูกไม่ได้มีส่วนร่วมหรือได้ลงมือทำอะไรเลย การทำแบบนี้เท่ากับเป็นการตัดโอกาสการเรียนรู้ของเด็ก ทำให้โรคขาดทั้งทักษะการช่วยเหลือตัวเอง และความมั่นใจในตัวเอง 2. ไม่ปกป้อง เรื่องความปลอดภัย มีสถิติตัวเลขอุบัติเหตุสูงเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากการไม่ทันระมัดระวัง เช่น ลืมปิดประตูบ้าน ไม่ได้เก็บสิ่งของเป็นอันตรายพ้นมือเด็ก คุยโทรศัพท์หรือใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเพลินจนลืมดูลูก 3. ไม่ยืดหยุ่น เพราะต้องการให้ทุกอย่างเป๊ะเว่อร์ตลอด ลูกทำไม่ได้ดังใจก็โกรธ ตำหนิ เรื่องเล็ก ๆ ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ลูกจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ไม่มีอะไรดี ไม่มีความสามารถ เพราะทำอะไรไม่เคยถูกใจพ่อแม่ 4.เลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน การที่แม่ ๆ ปกป้องมากเกินไป วิตกกังวลเกินกว่าเหตุ ห่วงเรื่องอุบัติเหตุ กลัวจะถูกหลอก กลัวลูกไม่สบาย ลูกจึงไม่ค่อยได้ทำอะไร ลูกมักจะเป็นเด็กวิตกกังวลได้ง่าย หวาดกลัวจนไม่มีความสุข และขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง 5. ไม่มีขอบเขต ตามใจลูกทุกอย่าง โดยลืมนึกถึงอะไรควรไม่ควร ด้วยความคิดที่ว่าลูกยังเด็ก ผลคือ เมื่อลูกออกสู่สังคม อยู่ร่วมกับผู้อื่น ก็กลายเป็นเด็กปรับตัวยาก เอาแต่ใจตัวเอง ขาดความอดทน ความสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ราบรื่น 6. ไม่ชื่นชม ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีแต่คำตำหนิติเตียน ไม่เชื่อว่าลูกจะทำสำเร็จ นอกจากทำร้ายจิตใจลูกแล้วยังทำลายความคิดดี ๆ ของลูก ทำให้ขาดความมั่นใจ ความภูมิใจในตัวเอง 7. ไม่เข้าใจลูก ถ้าคิดว่าทำไมลูกไม่เก่งควรเปลี่ยนวิธีคิดค่ะ ความจริงแล้วเด็กแต่ละคนมีบุคลิก…

Read more

ครอบครัวธรรมดาทั่วไปควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ดี ?

Q : ครอบครัวธรรมดาทั่วไปควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ดี ? A : สมมติว่าครอบครัวธรรมดาครอบครัวนึงคุณพ่อคุณแม่ต่างก็ทำงาน มีลูก 1 คน รายได้เท่าไหร่ก็ตามควรมีเงินเก็บไว้อย่างน้อย 6 เท่าของเงินเดือน ถ้าจะให้ดีก็ 12 เดือนหรือ 1 ปี เพื่อบริหารความเสี่ยงในกรณีที่ 1 ตกงาน กรณีที่ 2 ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่อยู่ดี ๆ ต้องจ่าย เช่น ลูกได้รางวัลบินไปชิงทุนต่างประเทศ ถ้าต้องการสนับสนุนเขาเราก็ต้องมีเงินสำรองไว้ให้ลูกเรา "เงินนอกเหนือจากส่วนนี้ เอาไปลงทุนอยู่ในสินทรัพย์หรืออยู่ในเงินฝากที่ให้ผลงอกเงยมากกว่าฝากออมทรัพย์ธรรมดา" "เวลาวางแผนการเงิน คุณแม่อย่าวางแผนค่าใช้จ่ายครับเราต้องวางแผนรายได้ คุ้มครองรายได้เรา การวางแผนคุ้มครองรายได้เราทั้งหมดนั่นหมายความว่าเราคุมค่าใช้จ่ายได้ แต่ถ้าเราวางแผนค่าใช้จ่ายอย่างเดียวถ้าเกิดมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินขึ้นมา อาจไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเราได้นอกจากตัวเราเอง" "สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสุขภาพเรา อยากบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าทำงานเก็บเงินแล้วไม่อยากให้สุดท้ายแล้วเงินของเราต้องหมดไปกับการทุ่มเทรักษาตัวเองป่วย เพราะฉะนั้นต้องดูแลสุขภาพด้วย ต้องวางเพื่อตัวเองแล้วก็เพื่อลูกด้วย" "อาจจะแยกเก็บเงินเป็นส่วน ๆ สมมติให้เป็นขวดโหลจะได้เห็นภาพ เช่น ขวดโหลที่ 1 เป็นของลูก ขวดโหลที่ 2 เอาไว้เที่ยวหรือช้อปปิ้ง ขวดโหลที่ 3 เพื่อค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่างวดรถ ค่าบ้าน ขวดโหลที่ 4ใช้จ่ายปกติทั่วไป อาจจะเปิดไว้สัก 3-4 บัญชีแล้วเราโอนเงินเข้าไป ได้เงินมาปุ๊บโอนไปก่อนเลย เดี๋ยวนี้โอนไม่มีค่าธรรมเนียมแล้วสะดวกมากขึ้น ที่เหลือค่อยใช้จ่าย…

Read more

ปัญหาที่พบบ่อยในเด็กแรกเกิด

เมื่อแรกคลอดเด็กทารกมักมีปัญหาที่พบได้บ่อยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ศึกษาอาการต่าง ๆ เหล่านี้ไว้เพื่อเตรียมพร้อมในการดูแลลูกรักค่ะ ภาวะตัวเหลือง พบได้มากที่สุดในเด็กทารกโดยประมาณ 60-70% ทั้งในทารกอายุครรภ์ครบกำหนดและคลอดก่อนกำหนดทุกราย ทั้งนี้จะเห็นสารตัวเหลืองที่ผิวหนังหรือเยื่อบุตาขาว สาเหตุ เกิดก่อนกำหนด <37 สัปดาห์ หมู่เลือดแม่และลูกไม่เข้ากัน เหลืองจากเม็ดเลือดแดงแตกตัว เช่น พร่องเอนไซม์ G6PD ภาวะเม็ดเลือดแดงมากเกินไป มีรอยฟกช้ำจากการคลอด มีจุดจ้ำแดงที่ผิวหนัง หรือมีการติดเชื้อ มีภาวะลำไส้อุดตัน ท่อน้ำดีอุดตันแต่กำเนิด ฯลฯ การดูแล ควรป้อนนมบ่อยขึ้นทุก 3 ชั่วโมง ประมาณ (8 มื้อ/วัน) เพื่อให้ลูกน้อยได้ขับถ่ายสารตัวเหลืองออกจากร่างกาย ประเมินภาวะตัวเหลือง โดยสามารถใช้นิ้วกดดูสีผิวที่อยู่ใต้ผิวหนังหรือกดตรงปุ่มกระดูก ทำในห้องที่แสงสว่างเพียงพอ ถ้าพบว่า ลูกมีอาการตัวเหลืองมากหรือเพิ่มมากขึ้นให้มาพบหมอทันที เพื่อตรวจดูสารตัวเหลืองในร่างกาย การรักษาตัวเหลือง ในทารกแรกเกิดทำได้ 3 แบบคือ การส่องไฟ, การเปลี่ยนถ่ายเลือด และการใช้ยา อาการแหวะนม สาเหตุ ที่ลูกน้อยชอบแหวะนมบ่อย ๆ เนื่องจากระบบการย่อยยังไม่สมบูรณ์ กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่อยู่ระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหารอาจยังปิดไม่สนิท ประกอบกับการกินนมเยอะก็จะทำให้เกิดอาการได้มาก…

Read more

7 วิธีฝึกให้ลูกเก็บของเล่นเอง

ของเล่นของลูกกระจัดกระจายทั่วบ้านราวกับระเบิดลงทุกวัน การเก็บของเล่นกลายเป็นอีกงานหนึ่งที่คุณแม่ต้องจัดการ การสอนให้ลูกเก็บของเล่นเองเป็นการสอนให้เขาเรียนรู้หลายด้านค่ะ ทั้งระเบียบวินัย การดูแลรักษาของ ความรับผิดชอบ การทำอะไรเองเป็นยังช่วยให้ลูกพึ่งพาตัวเองได้ตอนโตการสอนลูกไม่ยากค่อย ๆ ฝึกเขาค่ะ 1.ช่วยกันเก็บก่อน เด็กเล็กอาจเก็บคนเดียวไม่ไหว เพราะยากเกินความสามารถ คุณแม่ชวนลูกเก็บก่อนค่ะ ทำให้การเก็บของเล่นเป็นเรื่องสนุก เป็นเกมอย่างหนึ่งที่ต้องเล่นปิดท้ายเสมอ 2.จัดเก็บเป็นหมวดหมู่ ไม่ต้องแยกหลายหมวดหมู่เกินไปลูกจะงง การแยกเก็บเป็นหมวดหมู่ทำให้ไม่ต้องเก็บของเล่นคราวละมาก ๆ เพราะลูกมักจะเลือกชิ้นที่ตัวเองชอบ นอกจากนี้ยังฝึกการแยกแยะให้ลูก คุณแม่ใช้ลิ้นชัก ลังพลาสติก หรือถังพลาสติกก็ได้ค่ะ แยกสีแต่ละลังให้ชัดเจนตกแต่งหรือแปะสติ๊กเกอร์ อาจสมมติแต่ละถังเป็นพี่ฮิปโป พี่ปลาวาฬ พี่จระเข้ ฯลฯ หิวข้าวแล้วต้องป้อนของเล่นให้หม่ำก่อน 3.เก็บของเล่นเป็นเวลา ตอนเย็นก่อนลูกอาบน้ำหม่ำข้าวเย็น พยายามให้ลูกเก็บในเวลาเดิมทุกวัน เพื่อสร้างความคุ้นเคย และเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน ความเคยชินช่วยให้ลูกทำได้โดยอัตโนมัติ 4.หลอกล่อด้วยกิจกรรมสนุก ลูกกำลังสนุกกับการเล่น แต่คุณแม่มักจะให้เขาเก็บของเพื่อไปทำกิจกรรมน่าเบื่อ ไม่มีใครอยากทำหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นกิจกรรมต่อจากการเก็บของเล่นควรมีความสนุกเพื่อกระตุ้นให้ลูกเก็บค่ะ 5.เล่านิทาน คุณแม่อาจจะหาซื้อหนังสือนิทานหรือแต่งนิทานเล่าให้ลูกฟัง มีตัวเอกเป็นตัวละครหรือสัตว์น่ารักที่ลูกชอบ เล่าถึงตัวละครตัวโปรดนิสัยดี มีระเบียบ เล่นของเล่นแล้วเก็บก็ได้ค่ะ 6. บ้านต้องเป็นระเบียบด้วย ลูกเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว มองไปทางไหนทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง คุณแม่ใช้ของแล้วเก็บเข้าที่ ลูกก็จะเรียนรู้สิ่งนี้ไปเอง 7.ให้รางวัลเมื่อลูกทำได้ดี บางครั้งใช้รางวัลล่อใจได้บ้างค่ะ ถ้าเขาทำได้ดี อาจจะเป็นการชมเชยหรือให้ตามข้อเรียกร้องบางอย่างเป็นพิเศษ เวลาเจอคนอื่นคุณแม่พูดชมเขาให้คนอื่นฟังด้วยนะคะ ลูกจะภูมิใจและพยายามทำดีต่อไป อดทนใช้เวลาสักนิด ฝึกลูกอย่างสม่ำเสมอ เขาจะเรียนรู้การเก็บของเล่นให้เป็นระเบียบได้ในที่สุดค่ะ

Read more

พาลูกไปเรียนว่ายน้ำเมื่อไหร่ดี

สาเหตุอันดับ 1 ของการเสียชีวิตในเด็กก็คืออุบัติเหตุจมน้ำ คุณพ่อคุณแม่หลายคนทราบดีจึงต้องการให้ลูกว่ายน้ำเป็นเพื่อความปลอดภัยของลูก แต่อายุเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมในการเรียนว่ายน้ำ ควรจะเริ่มตั้งแต่วัยเบบี๋เลยหรือเปล่า เพราะเรามักจะเห็นภาพหรือคลิปหนูน้อยในวัยทารกเริ่มหัดว่ายน้ำกันแล้ว เริ่มตอน 4 ขวบ The American Academy of Pediatrics หรือสมาคมกุมารแพทย์สหรัฐฯ มีคำแนะนำว่า เด็กในวัย 4 ขวบขึ้นไปจึงเหมาะกับการเริ่มต้นเรียนว่ายน้ำเนื่องจากในวัยนี้พัฒนาการของเด็กจะมีความพร้อม สำหรับเด็กในวัยเบบี๋หรืออายุน้อยกว่า 4 ขวบก็ไม่ถึงกับห้ามเรียนว่ายน้ำ เพียงแต่น่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูก เพราะว่าเด็กเล็กมีโอกาสจมน้ำได้ง่าย หมอนอกจากพัฒนาการทางร่างกายยังไม่โตเพียงพอแล้ว การตัดสินใจช่วยเหลือตัวเองก็ยังไม่ดีนัก และยังเป็นวัยที่ยังสื่อสารได้ไม่ดีพอจึงอาจไม่มีความเข้าใจในการเรียนได้เท่ากับเด็กที่โตกว่า นอกจากนี้เด็กเล็กก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากภูมิต้านทานยังต่ำอยู่ค่ะ ก่อน 4 ขวบฝึกความคุ้นเคย เด็กเล็กก่อนวัย 4 ขวบสามารถสร้างความคุ้นเคยให้ลูกเมื่ออยู่ในน้ำได้ค่ะ อาจไม่ใช่การสอนว่ายน้ำแบบจริงจังแต่เป็นการสร้างบรรยากาศให้ลูกสนุกกับการเล่นน้ำ และสอนเรื่องความปลอดภัยให้เขา อาจจะชวนลูกเล่นน้ำ ให้ลูกใส่ห่วงยางหรือเสื้อชูชีพลอยตัวเล่นในน้ำ หรือสอนให้ลูกเล่นเล่นตีขาในน้ำ ในขณะเล่นถึงแม้ว่าจะอยู่ในชูชีพแล้วก็ตาม ลูกต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลา และต้องอยู่ในระยะที่คุณพ่อคุณแม่สามารถคว้าจับตัวเขาได้ทันเท่านั้น อย่าปล่อยให้ลูกอยู่ห่างตัวเกินกว่านี้ เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดได้ในชั่วพริบตาค่ะ มีอีกข้อหนึ่งที่ควรระวังก็คือ อย่าปล่อยให้พี่ที่อายุโตกว่าดูแลน้องเล็กกันเองนะคะ เพราะความสามารถในการช่วยเหลือของเด็กเมื่อเกิดอุบัติเหตุจมน้ำจะไม่ดีเท่าผู้ให ญ่ ไม่ว่าในวัยไหนก็ตาม คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรกเสมอค่ะ

Read more

1 ขวบแล้วไม่ยอมกินข้าวทำอย่างไรดี ?

Q : ลูกอายุ 1 ปี 1 เดือน กินแต่นม เวลาป้อนข้าวก็ไม่กินเลยค่ะ เคยใช้วิธีให้กินนมน้อยลง แต่ก็จะร้องงอแงมากไม่ยอมกินข้าวอยู่ดี จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรคะ A : ปัญหาลูกไม่กินข้าวเป็นปัญหาสำคัญที่พบในเด็กวัยตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 3 – 4 ปี หรือช่วงวัยก่อนเข้าโรงเรียน ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องอาศัยความเข้าใจในพฤติกรรมเด็ก ความอดทน และความร่วมมือของคุณพ่อ คุณแม่ในการแก้ปัญหา โดยการแก้ปัญหานั้นเริ่มต้นที่คุณแม่ไม่ควรเครียด กังวลกับการกินของลูกมากเกินไป ควรสร้างบรรยากาศการกินให้สบายๆ โดยให้นั่งกินร่วมโต๊ะกับสมาชิกในครอบครัว ไม่มีสิ่งใดมาดึงความสนใจ เช่น ทีวี ของเล่น ชวนลูกพูดคุยให้เพลิน ไม่บังคับขู่เข็ญ ไม่ยัดเยียด ไม่เดินตามป้อนอาหาร หรือติดสินบนลูกเพื่อให้กิน เพราะลูกจะต่อต้านไม่ยอมกิน หรือ ในบางรายจะจับจุดได้ว่า การที่เขาไม่กินข้าว จะได้รับความสนใจจากคุณแม่มากขึ้น แล้วนำมาเป็นข้อต่อรองในคราวหลังได้ ควรให้ลูกได้เลือก และ ควบคุมการกินของเขาเอง ตักกินเอง จะเลอะเทอะไปบ้างก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่อย่าใช้เวลากินบนโต๊ะอาหารนานเกินไป ไม่ควรเกิน 30 นาที เพราะจะทำให้ลูกมีความรู้สึกว่าช่วงเวลามื้ออาหารเป็นช่วงที่น่าเบื่อ และ มีความรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกบังคับอยู่ ในแต่ละมื้อนั้นควรจัดให้อาหารมีลักษณะสีสัน…

Read more

Review เครื่องปั๊มนม Nanny

ถ้าให้พูดถึงเรื่อง นมแม่ แม่ๆนึกถึงอะไรกันบ้างคะ สำหรับนุ้ย คงคิดถึงปากน้อยๆที่คอยงับหัวนม อีกมือก็เกาะแกะอยู่กับเต้าเรา มันเป็นความสุขของแม่จริงๆ แต่ทว่า สาย Working Mom อย่างนุ้ย คงหาโอกาสยากมากที่ลูกจะเข้าเต้าตลอดเวลา ดังนั้นด้วยเส้นทางนมแม่ฉบับ Working Mom ก็ต้องมองหาผู้ช่วยคนเก่งที่จะคอยทำหน้าที่แทนปากน้อยของลูกมางับนม มาดูดนม ในยามที่เราต้องทำงาน.. และผลลัพธ์คือ เราจะมีน้ำนมกลับบ้านไปฝากลูกน้อยกลอยใจทุกวัน 1.3 ปีเต็มแล้วค่ะ สำหรับนุ้ยที่มีเพื่อนคู่ใจ คู่กาย อวัยวะที่ 33 นั่นก็คือ #เครื่องปั๊มนม นี่เอง จนนุ้ยกลายร่างเป็นคุณแม่นักปั๊มไปแล้ว แถมว่า ปั๊มล้วนด้วยนี่สิ ฉะนั้น เครื่องปั๊มนม จึงต้องเลือกแบบพิถีพิถันกันหน่อย หลังจากที่เราบ่นกับคุณพ่อที่บ้านว่า ม๊าไม่ไหวแล้วอ่ะ ปั๊มนมจนเจ็บเต้าเจ็บหัวนมไปหมด นุ้ยบ่นทุกวันเลยค่ะ บ่นจนบางครั้งเราคิดจะแขวนเครื่องปั๊ม และสิ้นสุดเส้นทางนมแม่แล้ว ถ้าต้องเป็นแบบนั้นจริง #ใจหายแน่ๆค่ะ แต่ๆๆๆๆๆ!!! วันนี้นุ้ยได้เจอกับเพื่อนคู่ใจคนใหม่ คือ เครื่องปั๊มนมของ Nanny ค่ะ ใช่ค่ะ!! Nanny มีเครื่องปั๊มนมแล้ว!! หลังจากเหล่าแม่ๆรวมถึงนุ้ยด้วยที่จะคุ้นชินกับ อ่างอาบน้ำเอย ถุงเก็บน้ำนมเอย กล่อง/บรรจุภัณฑ์สำหรับเก็บอาหารเจ้าตัวเล็กเอย…

Read more