Warning: Undefined array key "action" in /var/www/wp-content/themes/kicker-child/functions.php on line 2
Knowledge | motherandcare - Part 30
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Knowledge

น้ำนมแม่เก็บได้นานแค่ไหน ?

คุณแม่ที่เพิ่งเริ่มให้นมลูกอาจสงสัยว่าน้ำนมแม่เก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาหรือช่องแข็งได้นานแค่ไหน เพื่อความสะดวกเวลาใช้ ไม่จำเป็นต้องเก็บเข้าช่องแข็งเสมอไป มาดูกันเลยค่ะว่าแต่ละที่เก็บได้นานเท่าไหร่ 1.อุณหภูมิห้อง (อุณหภูมิต้องไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส) เก็บได้นานประมาณ 6 ชั่วโมง 2.ในตู้เย็นช่องธรรมดา (อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียสขึ้นไป) เก็บได้นานประมาณ 5 วัน 3.ในช่องแข็งหรือฟรีซเซอร์ตู้เย็นประตูเดียว เก็บได้นานประมาณ 2 สัปดาห์ 4.ในกล่องเก็บความเย็นใส่ ice pack ไว้ในกล่อง กะปริมาณว่าเย็นอยู่นานพอไม่หายเย็นเร็วเกินไปก็จะเก็บได้ประมาณ 24 ชั่วโมง เหมาะกับการเดินทางใกล้ ๆ ค่ะ น่ารู้ ถ้าคุณแม่จะใช้น้ำนมภายใน 2-3 วัน การแช่เย็นช่องธรรมดาเหมาะกว่าการแช่แข็งนอกจากนะดวกแล้วยังรักษาสารป้องกันการติดเชื้อในน้ำนมเอาไว้ได้ การละลายนมแช่แข็งควรวางไว้ในช่องแช่เย็นธรรมดา จะสามารถเก็บได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง นมที่นำมาละลายแล้วห้ามนำกลับไปแช่แข็งอีก

Read more

3 อาการเตือนจะคลอดแล้วนะ

คุณแม่อาจกังวลใจว่าจะคลอดเมื่อไหร่ ลองสังเกต 3 อาการนี้ค่ะ 1.มีมูกเลือดออกมาทางช่องคลอด ลักษณะแบบมูกเหนียว ๆ ข้น ๆมีเลือดปนอยู่ 2.น้ำคร่ำเดิน น้ำคร่ำที่ว่านี้อยู่ในถุงน้ำคร่ำพยุงตัวทารกอยู่ มีลักษณะเป็นน้ำใส ๆ คล้ายปัสสาวะ แต่ไม่มีกลิ่น และสีอาจจะขุ่นเล็กน้อย อาจไหลออกมาน้อยหรือมากก็ได้ต่างกันไปในแต่ละคนค่ะ 3.เจ็บท้องจริง อาการเจ็บจะรุนแรงขึ้น เจ็บสม่ำเสมอต่อเนื่อง เจ็บนานและถี่ขึ้น ไม่หายไปอย่างที่เคยเจ็บหลอกคราวก่อน ๆ ลักษณะเจ็บจะเริ่มตรงส่วนบนมดลูกแล้วเจ็บร้าวลงไปข้างล่าง ถ้าเจ็บทุก ๆ 10 นาทีก็แสดงว่าจวนคลอดแล้ว ถ้ามีอาการเตือนอย่างใดอย่างหนึ่งควรรีบไปโรงพยาบาลได้ทันทีค่ะ ไม่ต้องให้อาการครบทั้ง 3 ข้อ สัญญาณเหล่านี้บอกชัดว่าจวนจะคลอดแล้วอย่าลืมโทรแจ้งโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ค่ะ ทำใจให้ผ่อนคลาย หลังจากเริ่มมีอาการเตือนโดยทั่วไปโดยเฉพาะท้องแรกมักจะเจ็บท้องนาน 8-12 ชั่วโมงก่อนคลอด แต่อย่างไรก็ตามต้องรีบไปโรงพยาบาลค่ะ เพราะถ้าหากเกิดปัญหาหรือพบความผิดปกติคุณหมอและคุณพยาบาลจะให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที

Read more

การรังแกกันในโรงเรียน ความจริงที่น่าตกใจ

ข่าวคราวเด็กรังแกกันในโรงเรียนมีออกมาเป็นระยะ อย่างล่าสุดรุ่นพี่ม.2 รุมแกล้งน้อง ป.4 นอกจากเล็กกว่ากันหลายชั้นปีแล้วน้องยังเป็นออทิสติก ควรจะได้รับความเห็นอกเห็นใจและการดูแลจากคนรอบข้างด้วยซ้ำค่ะ ภาพความโหดร้ายของรุ่นพี่ซึ่งเป็นเพียงเด็ก ช็อกความรู้สึกคนทั่วไปก็จริง แต่ขณะเดียวกันคนส่วนหนึ่งมองว่าการรังแกกันเป็นเรื่องธรรมดา แค่ชดใช้เงินเพียงเล็กน้อยก็แล้วกันไป อาจต้องตั้งคำถามว่าโรงเรียนแก้ไขปัญหาจริงจังแค่ไหน มองเห็นปัญหาหรือเปล่า และสุดท้ายพ่อแม่มีโอกาสรับรู้บ้างไหมว่าลูกเราถูกรังแก หรือเป็นเด็กที่รังแกเด็กคนอื่นเสียเอง ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตรายงานว่าเด็กไทยถูกรังแกติดอันดับ 2 ของโลก หรือข่าวที่ออกมาว่าหนึ่งในเด็กที่รุมแกล้งเป็นเด็กกตัญญู อาจเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องตั้งคำถามตัวโต ๆ ค่ะว่าสังคมไทยของเราเป็นอย่างไรไปแล้ว เด็กไทยรังแกกันในโรงเรียนติดอันดับ 2 ของโลก รองจากญี่ปุ่น ! สถิติเด็กไทยถูกรังแกถึงปีละกว่า 6 แสนคน ! แม้ยังเป็นเด็กแต่ก็มีรูปแบบการรังแกกันด้วยวิธีรุนแรง โหดร้าย และทารุณ ! เด็กที่รังแกเพื่อนมีตั้งแต่ชั้นอนุบาล ! คนทั่วไปมองว่าการรังแกกันเป็นเรื่องปกติ ! โรงเรียนบางแห่งละเลยปัญหาพยายามปกปิดเพราะห่วงชื่อเสียง ! เด็กที่ถูกรังแกไม่กล้าบอกพ่อแม่หรือครู ! ถ้าพ่อแม่ ครู และสังคมละเลยการรังแกกันของเด็ก เท่ากับเราอาจกำลังสร้างเด็กที่มีปัญหาปีละ 6 แสนคน X 2 ซึ่งเด็กเหล่านี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่สร้างปัญหาให้กับตัวเองและสังคมในอนาคต ผลร้ายเกิดกับเหยื่อเท่านั้นหรือ…

Read more

บ๊ายบายขวดนมได้แล้วจ้า

พอลูกครบ 1 ขวบหรือขวบครึ่งก็ถึงเวลาให้บอกลาขวดนมที่รักได้แล้ว การดูดนมจากขวดนานเกินไปมีข้อเสียหลายประการ  ตั้งแต่ฟันผุ ฟันยื่น หรือลดโอกาสพัฒนาทักษะการพูดและการใช้มือ รบกวนเวลานอนตอนกลางคืน เพราะยังตื่นมาดูดนมกลางดึก และหูชั้นกลางมีโอกาสอักเสบเนื่องจากนมไหลย้อนเข้าไป โอกาสดีก็วัยนี้ ในวัย 1ขวบถึง 1 ขวบครึ่งลูกเริ่มมีฟันหลายซี่ให้ดูแล และเริ่มจิบน้ำจากแก้วได้คล่อง ที่สำคัญคือเป็นช่วงที่ยอมทำตามคำสั่งได้ง่าย ถ้ายืดเยื้อไปจนใกล้ 2 ขวบ เด็กเริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น การบอกให้เลิกขวดนมยากกว่าวัยนี้ค่ะ ทีละขั้นทีละตอน การตั้งเป้าให้เลิกขวดนมควรเตรียมพร้อมให้ลูกสามารถจิบน้ำจากแก้วได้ สามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่วัย 6 - 9 เดือน โดยเริ่มจิบน้ำเปล่าก่อน หากทำได้ไม่สำลัก ค่อยลองให้จิบน้ำผลไม้และนมตามลำดับ เมื่อดูแล้วว่าเด็กสามารถดื่มนมจากแก้วโดยไม่สำลัก ค่อยเริ่มกระบวนการเลิกขวดนม ดูว่าลูกยอมรับความเปลี่ยนแปลงยากหรือง่ายและติดขวดนมมากน้อยแค่ไหน เลือกวิธีที่เหมาะกับเขาค่ะ How to : บ๊ายบายแบบหักดิบ เหมาะกับเด็กว่าง่าย ยังดูดนมจากขวดอยู่แต่ไม่ติดมากนัก เช่น ไม่ถือขวดเดินไปมา นอนหลับได้เองโดยไม่ต้องดูดนม เป็นต้น บอกล่วงหน้าไว้บ้าง เช่น “หนูโตแล้วนะ อีกไม่นานน่าจะได้เวลางดขวดนมแล้ว” บอกซ้ำ…

Read more

6 เครื่องดื่มห้ามแม่กินคู่กับยา

6 เครื่องดื่มนี้หากดื่มร่วมกับยาจะส่งผลเสียต่อร่างกาย และอาจร้ายแรงถึงชีวิตได้ค่ะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง 1.นม นมมีแคลเซียม โปรตีน และเหล็กที่ไปจับตัวยาบางชนิด เช่น ยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด ทำให้ไม่สามารถดูดซึม ยาจะไม่ออกฤทธิ์ จึงไม่ช่วยรักษาโรค 2.กาแฟ การดื่มกาแฟร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาแก้หวัด ยาขยายหลอดลม อาจเป็นอันตราย ทำให้เกิดอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เป็นมาก ๆ อาจเกิดอาการช็อกได้ 3.น้ำผลไม้ น้ำผลไม้จะต่อต้านการดูดซึมของยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว และโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ ซึ่งน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างน้ำส้ม น้ำมะนาว ทำให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้มีอาการปวดท้อง 4. แอลกอฮอล์ ห้ามเด็ดขาดเพราะอาจเกิดอันตราย โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น เมโทรนิดาโซล ทินิดาโซล คีโตโคนาโซล ทำให้ร้อนวูบวาบ คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ ใจสั่น และหลังกินยาจนครบตามแพทย์สั่งอย่างน้อย 3 วันจึงจะดื่มแอลกอฮอล์ได้…

Read more

14 วิธีบอกรักให้ลูกรู้

พ่อแม่รักลูกทุกวันทุกเวลา รักแบบไร้เงื่อนไขด้วยใช่มั้ยคะ ในวันวาเลนไทน์นี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะย้ำเตือนถึงความรักความผูกพันที่มีต่อลูก คุณพ่อคุณแม่ที่แสดงออกน้อยหรือไม่ค่อยพูดตรง ๆ เรามีตั้ง 14 วิธีในการบอกรักลูกเอามาฝากกันค่ะ 1.กอด การกอดเป็นพลังมหัศจรรย์แทนคำบอกรัก เป็นการสื่อสารบอกรักไร้คำพูดจากคุณแม่ การกอดเพียงอย่างเดียวให้ทั้งความรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย ช่วยปลอบโยนให้สงบ และให้กำลังใจลูก การกอดสร้างความผูกพันระหว่างกัน งานวิจัยหลายชิ้นบอกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการกอดจะขาดความมั่นคงทางอารมณ์ ไม่มั่นใจปรับตัวเข้ากับสังคมยาก และมีพัฒนาการช้า กอดลูกบ่อย ๆ นะคะ 2.เล่นกับลูก ไม่ว่าเขาจะเป็นเบบี๋หรือโตแค่ไหนก็ตาม คุณพ่อคุณแม่เล่นกับลูกได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด ดูตามพัฒนาการของเขา การเล่นกับลูกสร้างความรักความผูกพันและสร้างบรรยากาศดี ๆ ต่อกัน ลูกยังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีผ่านการเล่นด้วยค่ะ อาจจะไม่ต้องอบรมสั่งสอนเขามากนัก ใช้สอนด้วยกิจกรรมสนุกสนานนี่แหละเวิร์ค 3.คุยกับลูก การคุยกันเป็นการสื่อสารสองทาง คุณพ่อคุณแม่พูดกับเขาเขาโต้ตอบหรือเขาเล่าเรื่องให้คุณแม่ฟัง จริง ๆ แล้วผู้ใหญ่คุยกับเด็กได้หลายเรื่องนะคะ เล่าให้เขาฟังถึงเรื่องการทำงานเรื่องความรู้รอบตัวข่าวคราวความเคลื่อนไหวความเป็นไปของโลก เรื่องใกล้ไกลตัวแค่ไหนก็คุยได้ค่ะ เพียงแต่เราเลือกเรื่องที่เหมาะสมกับเด็กในแต่ละวัย เลือกวิธีการพูดคุยให้เป็นเรื่องง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่ซีเรียสว่าจะต้องให้องค์ความรู้สาระกันอยู่ตลอดเวลา ลูกจะเบื่อแล้วไม่อยากฟัง 4.ฟังลูกให้มาก การฟังและรับฟังลูกจะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่เข้าใจเขา ให้โอกาสลูกได้พูดหรือเล่าในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเล่า เล่าถึงเรื่องที่โรงเรียน…

Read more

ของเล่นไม้มีดียังไงนะ ?

เวลาเลือกของเล่นให้ลูกคุณพ่อคุณแม่อย่าลืมของเล่นไม้นะคะ ของเล่นไม้เป็นของเล่นที่มีประโยชน์ช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็ก เพราะฉะนั้นจึงได้รับความนิยมจากคุณพ่อคุณแม่ทั่วโลกมาโดยตลอด แล้วของเล่นไม้มีประโยชน์กับลูกน้อยอย่างไรบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ 1.ทนทานไม่ล้าสมัย เป็นของเล่นสุดคลาสสิกถ้าเก็บไว้ดี ๆ ส่งต่อให้ลูกเล่นได้สบายเลยค่ะ ของเล่นไม้แบบพื้นฐานอย่างพวกบล็อกไม้รูปทรงต่าง ๆ เหมาะกับการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กไม่ว่ายุคไหน 2.ปรับตามวัยลูก ตอนลูกยังเล็กอาจสนุกกับการวางต่อกันแค่ 3-5 ชิ้น พอโตเพิ่มจำนวนชิ้นมากขึ้นเด็กจะต่อของเล่นได้ซับซ้อนขึ้น ต่อได้สูงขึ้น ออกมาเป็นรูปร่างตามที่ลูกต้องการ 3.ส่งเสริมจินตนาการ ของเล่นไม้รูปทรงหลากหลาย สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ทรงกลม ฯลฯ ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกใช้จินตนาการสร้างสรรค์ด้วยการนำรูปทรงต่าง ๆ เหล่านี้มาต่อเป็นรูปร่างตามความคิดของเด็กโดยไม่มีข้อจำกัดค่ะ 4.พัฒนาการใช้มือและตาสัมพันธ์กัน ระหว่างเล่นลูกจะได้ฝึกสายตาจ้องมองของเล่นไปพร้อม ๆ กับการฝึกกล้ามเนื้อแขนมือและนิ้วมือหยิบจับชิ้นของเล่นเพื่อนำไปหยอด เรียง หรือวางต่อกัน 5.ฝึกสมอง ขณะที่ลูกกำลังสนุกเพลิดเพลินสมองของเขากำลังคิดคำนวณ กะระยะ การใช้น้ำหนักมือให้พอดี วางแผนว่าจะต่อหรือวางชิ้นไม้อย่างไร ได้คิดแก้ปัญหา เช่น ถ้าวางแล้วล้มจะแก้อย่างไร ของเล่นไม้ไม่ธรรมดาเลยนะคะ มีประโยชน์ต่อลูกน้อยมากกว่าที่คิด หาซื้อง่ายแล้วราคายังไม่แพงด้วยค่ะ Tips -วิธีเลือกของเล่นไม้ให้ลูก เลือกไม้แท้จะปลอดภัยกับลูก…

Read more

แม่คลอดเอง ลูกได้ฮอร์โมนดูแลสุขภาพตลอดชีพ

ข่าวดีอีกหนึ่งสำหรับคุณแม่คลอดเองค่ะ งานวิจัยเผยแพร่ในวารสารงานวิจัยออนไลน์ eLife เมื่อ ปี 2016 กล่าวว่า ฮอร์โมนความเครียด Glucocorticoids ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาระหว่างการคลอดลูกจะช่วยให้ร่างกายทารกเผาผลาญไขมันได้ดี นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่า ยีนและฮอร์โมนสำคัญหลายชนิดยังไม่พร้อมทำงานจนกว่าจะใกล้ถึงเวลาคลอดตามธรรมชาติ Glucocorticoids จะทำให้ร่างกายผลิตโปรตีนที่เรียกว่า PPARa ในตับของทารกเพื่อเผาผลาญไขมันจากการกินนม ซึ่งมีประโยชน์ต่อกระบวนการเผาผลาญในร่างกายไปจนตลอดชีวิตของลูก ช่วยป้องกันโอกาสเกิดโรคเบาหวานและไขมันในตับ ฮอร์โมนตัวนี้ยังช่วยกระตุ้นพัฒนาการของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ปอด และ สมองอีกด้วยค่ะ

Read more

Checklist ลูกเป็นสมาธิสั้นหรือเปล่า ?

หากสงสัยว่าลูกจะเป็นสมาธิสั้นหรือเปล่าลองสังเกตอาการดูค่ะ อาการของเด็กสมาธิสั้น ตามเกณฑ์วินิจฉัยของ DSM-5 (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders) 1.อาการขาดสมาธิ ไม่สามารถทำงานที่ครูหรือพ่อแม่สั่งจนสำเร็จ ขาดสมาธิในขณะทำงานหรือทำกิจกรรมอื่น ดูเหมือนไม่ค่อยฟังเวลาพูดด้วย ไม่สามารถตั้งใจฟังและเก็บรายละเอียดได้ ทำให้ทำงานผิดพลาดบ่อยๆ ไม่ค่อยเป็นระเบียบ พยายามหลีกเลี่ยงงานที่ต้องใช้ความคิดหรือสมาธิ วอกแวกง่าย ทำของใช้ส่วนตัวหรือของใช้ที่จำเป็นหายอยู่บ่อยๆ ขี้ลืม 2. อาการซน อยู่ไม่นิ่ง และอาการหุนหันพลันแล่น ยุกยิก อยู่ไม่สุข นั่งไม่ติดที่ ลุกเดินบ่อยๆ ชอบวิ่ง ปีนป่าย เล่นเสียงดัง ตื่นตัวตลอดเวลา พูดมาก พูดโพล่งโดยยังฟังไม่จบ รอคอยไม่เป็น มักจะขัดจังหวะหรือแทรกเวลาผู้อื่นพูด หากมีอาการในข้อ 1 หรือ 2 มากกว่า 6 อาการขึ้นไป โดยที่อาการเกิดก่อนอายุ 12 ปี  ซึ่งอาจมีลักษณะเด่นเฉพาะ 1 หรือข้อ 2 หรือทั้งสองข้อ มีโอกาสที่จะเป็นโรคสมาธิสั้นได้ค่ะ ข้อมูลจาก…

Read more

9 วิธีสร้างลูกฉลาดอารมณ์ดี

สร้างลูกฉลาดมีหลากหลายวิธี ลองมาดู 9 วิธีต่อไปนี้ค่ะ 1.มองตา…ส่งยิ้ม เมื่อลูกลืมตาตื่นขึ้นปุ๊บ คุณพ่อคุณแม่คอยสบสายตาลูกน้อยสักพัก ทำบ่อย ๆ ลูกจะจดจำใบหน้าพ่อแม่ได้ ซึ่งก็เป็นใบหน้าที่ลูกอยากเห็นอยากจำมากที่สุด 2.กินนมแม่..ลูกฉลาดแน่มาตอกย้ำกันอีกสักครั้งกับประโยชน์ของนมแม่ ยิ่งให้ลูกกินนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งทำให้ลูกมีไอคิวและอีคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ แล้วที่สำคัญทั้งลูกและแม่ยังรู้สึกอบอุ่น รักกันมากที่สุดอีกด้วย 3.ทำตลก..ลูกคึกคัก อย่าคิดว่าทารกแรกเกิดมองเห็นไม่ชัดหรือไม่รู้จักสีหน้าของคนที่อยู่ใกล้ชิดนะคะ ลองทำหน้าตลก ๆ ให้ลูกดู รับรองว่าไม่กี่ทีลูกน้อยเลียนแบบได้แน่ ๆ ค่ะ 4.ส่องกระจก..เพิ่มเสียงหัวเราะเด็กเล็ก ๆ ชอบเล่นกับกระจกเงาทุกคน เขาจะสนุกกับการเห็นหน้าตัวเอง หน้าพ่อแม่ที่ยิ้ม หัวเราะ โบกมือ เพราะภาพข้างหน้าจะทำตอบกลับมาให้ทุกครั้งนั่นเอง 5.จั๊กจี๋..เรียกเสียงหัวเราะเริ่มต้นจากปูไต่ ลูกน้อยฝึกการคาดเดาจากการสัมผัส รู้สึกจั๊กจี๋ก็ทำให้อารมณ์ดี หัวเราะออกมา เป็นการเสริมสร้างเรื่องอีคิวให้ลูกได้อีกทาง 6.เดินเล่นนอกบ้าน..สบายอารมณ์เช้าหรือเย็น แดดอ่อนลมโชยเบา ๆ พาลูกน้อยสำรวจรอบบ้าน จะเป็นต้นไม้ใบหญ้า นกบินผ่าน แมวกระโดด เสียงหมาเห่า คุณพ่อคุณแม่ชี้ให้ลูกมองตาม…

Read more