เปิดเทอมไปสักพักหนึ่งแล้วคุณลูกยังป่วนอยู่หรือเปล่าคะ
อะไรก็ตามพอทิ้งไปนานเข้าก็กลายเป็นเรื่องยาก จึงเป็นธรรมดาที่ลูกจะดื้อและป่วนในช่วงเปิดเทอมใหม่ ๆ เพราะเคยอิสระมานาน หมดช่วงเวลาแห่งความสนุกต้องมาตื่นแต่เช้า ไปเรียนหนังสือ
แม่ ๆ มาหาวิธีรับมือกันค่ะ
1.ให้ลูกนอนแต่หัวค่ำ บ้านไหนฝึกลูกให้นอนหัวค่ำตลอดจะช่วยได้มาก ลูกจะตื่นเช้าโดยไม่อิดออดเพราะได้นอนครบ 10 ชั่วโมงเต็ม ๆ โดยประมาณตามวัยของเขา
2.สร้างบรรยากาศการไปโรงเรียนให้สดชื่น เลี่ยงการดุหรือบ่นลูก อาจจะเตรียมมื้อเช้าเมนูโปรด หรือบอกลูกว่าหลังเลิกเรียนจะชวนเขาทำกิจกรรมที่ชอบ
3.ช่วยดูแลจัดกระเป๋านักเรียน ทำให้กิจกรรมนี้เป็นเรื่องสนุกร่วมกัน ช่วยดูแลการบ้านเพื่อช่วยลดความเครียดให้เขา
4.หลังเลิกเรียนให้ลูกได้กลับมาพักผ่อนเร็ว ๆ ได้ทำกิจกรรมที่เขาชอบ หลังจากพักหายเหนื่อยชวนเขาขี่จักรยาน เล่นบอล หรือทำกิจกรรมที่ได้ออกกำลังกาย
5.ในช่วงแรกอาจเพิ่มสิทธิพิเศษบางอย่างให้ลูก เช่นให้เล่นได้นานหน่อย ได้กินขนมหรือของเล่นที่เขาชอบบ้าง แต่ต้องมีขอบเขตไม่ให้ต่างจากข้อกำหนดเดิมมากเกินไป
ช่วงแรก ๆ นี้คุณแม่อย่าเพิ่งเป๊ะมาก ลดความเคร่งครัดในสิ่งที่ลูก “ต้อง” ทำลงสักนิด รอเขาปรับตัวได้ค่อยว่ากันค่ะ
การเล่นสำหรับเด็กแล้วมีความสำคัญอย่างยิ่งค่ะ เพราะพัฒนาการทั้งทางร่างกายจิตใจและสติปัญญาของลูกล้วนผ่านการเล่นของเขา
เด็กต้องการความรักความเอาใจใส่ คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่นกับลูกได้ตั้งแต่แรกเกิด การเล่นกับลูกบ่อย ๆ จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ หลายด้าน
คุณพ่อคุณแม่เล่นกับลูกด้วยวิธีการเล่นแบบง่าย ๆ เช่น ยิ้มให้ลูก พูดคุย เล่นจ๊ะเอ๋ อุ้มเล่านิทาน ร้องเพลงให้ลูกฟัง หรือหาของเล่นที่เหมาะสมกับวัยมาเล่นกับเขา
1.พัฒนาการทางสายตา เด็กเล็กแรกเกิดมองเห็นแค่ระยะสั้น การเห็นใบหน้าแม่ใกล้ชิดลูกจะได้ฝึกสายตา
2.กระตุ้นพัฒนาการทางร่างกาย มือลูกได้จับคว้า แขนขาเคลื่อนไหวขณะเล่น
3.ช่วยพัฒนาการด้านสติปัญญาและอารมณ์ ขณะเล่นลูกกำลังฝึกฝนการใช้ความคิดและเหตุผล และเมื่อลูกสนุกเขาจะเป็นเด็กอารมณ์ดีมีความสุขสมองพร้อมเรียนรู้
4.ช่วยสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก เกิดความรักความผูกพันใกล้ชิด
5.ช่วยกระตุ้นความจำ จดจำใบหน้าคุณพ่อคุณแม่คนในครอบครัว จดจำสิ่งของได้
6.กระตุ้นพัฒนาการด้านภาษา คุณพ่อคุณแม่ที่พูดคุยกับลูกบ่อยลูกจะเรียนรู้ด้านภาษาได้เร็ว เพิ่มคำศัพท์ได้มาก
7.กระตุ้นพัฒนาการทางสังคม ลูกเรียนรู้ว่าจะแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบแบบไหนกับคนอื่น
ดูลูกอารมณ์ลูกสักนิดว่าเขาพร้อมมั้ย ถ้าพร้อมหน้าตาลูกจะสดใสคึกคัก ถ้าง่วงเหนื่อยหรืออารมณ์ไม่ดีควรให้เขาพักหรือปลอบโยน อารมณ์ดีค่อยชวนเขาเล่นค่ะ
การเรียนรู้โลกรอบตัวเกิดของเด็กจากการเล่นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการมอง การใช้มือไขว่คว้า คืบคลานเพื่อเข้าหาสิ่งที่ต้องการ การเอื้อมมือหยิบจับ เตะถีบขาน้อย ๆ ของเขา ในวัยทารกจนถึงช่วงขวบปีแรกจะมีของเล่นชนิดใดบ้างที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้ดีเรามาดูกันเลยค่ะ
ของเล่นมีสีสันสดใส สีสด ๆ จะกระตุ้นการมองเห็นของเด็กได้ดี ช่วงเดือนแรก ๆ เด็กจะเห็นสีขาวดำชัดเจนที่สุดคุณพ่อคุณแม่อาจหาโมบายล์สีขาวดำแขวนไว้เหนือเตียงของลูก ของเล่นมีเสียง หรือเมื่อลูกจับ ตี เขย่าแล้วมีเสียงจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการฟัง การไขว่คว้าของลูกจะเป็นการฝึกฝนการทำงานระหว่างมือกับตาร่วมกัน ของเล่นที่มีผิวสัมผัสหลายแบบ จะช่วยเสริมพัฒนาการด้านสัมผัสให้ลูกเรียนรู้ว่าสิ่งของแต่ละอย่างมีผิวสัมผัสแตกต่างกัน อาจเป็นของเล่น ตุ๊กตานุ่มนิ่ม ลูกบอล บล็อกไม้ และของเล่นลอยน้ำช่วยการเรียนรู้ผิวสัมผัสของน้ำ หรือหาของในบ้านที่คุณพ่อคุณแม่มั่นใจว่าปลอดภัยให้ลูกสัมผัสได้ หนังสือนิทานที่เหมาะกับวัย ปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน เสริมการเรียนรู้ด้านภาษาเพิ่มคำศัพท์ และยังเสริมสร้างจินตนาการให้ลูก กล่องใส่ชิ้นรูปทรง ให้ลูกเรียนรู้รูปทรงต่าง ๆ ทั้ง กลม สี่หลี่ยม สามเหลี่ยม แบน ฯลฯ ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปทรงจะเป็นการปูพื้นฐานการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์และเรขาคณิตให้ลูกค่ะ
น่ารู้
การเล่นกับลูกช่วยเสริมพัฒนาการได้ดีที่สุด อย่าทิ้งลูกไว้กับของเล่นเท่านั้น เพราะจะไม่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการสื่อสาร สังคม และด้านความสัมพันธ์ ไม่จำเป็นต้องเล่นกับลูกตลอดเวลาถ้าเขากำลังเพลิดเพลินอยู่คนเดียวสามารถปล่อยเขาได้ คุณแม่คอยดูอยู่ก็พอค่ะ
ลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไปคุณแม่สามารถให้ลูกเริ่มหม่ำอาหารเสริมเพิ่มเติมจากการกินนม พออายุประมาณ 7 เดือนก็ลองให้เริ่มเนื้อสัตว์ ลูกช่วงวัยนี้ต้องการอาหารเพิ่มพลังขึ้นอย่างโปรตีน แต่ก่อนจะทำเมนูเนื้อสัตว์ให้ลูกหม่ำ มีข้อแนะนำมาฝากค่ะ
อาหารมื้อแรก ๆ ที่ลูกได้ลองชิมควรเริ่มจากข้าว ตามด้วยผัก และเนื้อสัตว์ การให้อาหารแต่ละชนิด ควรเริ่มจากทีละน้อย เช่น 1 ช้อนก่อน ค่อย ๆ เพิ่มเพื่อป้องกันการแพ้ ควรเริ่มที่เนื้อสัตว์ย่อยง่ายและบดง่ายอย่างเนื้อปลาก่อน ถัดไปค่อยเป็น เนื้อไก่ และหมู เลือกปลาน้ำจืดก่อนเพื่อป้องกันลูกแพ้ บดหรือสับละเอียด ทำทีละน้อยไม่ควรค้างคืน เลือกก้างหรือกระดูกและหนังออกให้หมด เนื้อปลาใช้มือล้างสะอาดแล้วบี้ดูว่ามีก้างหลงเหลือ สังเกตดูอาการลูกว่าแพ้อาหารหรือไม่ เช่น ผื่นขึ้น ท้องเสีย หายใจไม่สะดวก มีเสียงครืดคราด ฯลฯไม่ยุ่งยากเลยใช่มั้ยคะ เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆเท่านั้นเองค่ะ
หน้าฝนแวะเวียนมาทีไร คุณแม่มักจะเป็นกังวลกับสุขภาพของลูกน้อยเป็นพิเศษ มีเรื่องใดต้องระวังบ้างมาดูกันเลยค่ะ
1.หวัด
เด็กเล็กมีโอกาสเป็นหวัดง่าย ไอ มีน้ำมูก หายใจครืดคราดอยู่บ่อย ๆ การให้ลูกดื่มน้ำหรือนมมากขึ้นช่วยได้ ถ้าไม่ได้มีน้ำมูกมากควรหลีกเลี่ยงการกินยาค่ะ
วิธีลดน้ำมูก
แม้ว่าภายในรูจมูกของลูกเป็นส่วนที่บอบบาง ไม่ควรมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปสัมผัส แต่หากมีความจำเป็นควรดูแลอย่างถูกวิธี
เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน อาจใช้ก้านสำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดภายในรูจมูก แต่อย่าเข้าไปลึกเพราะอาจเป็นอันตรายได้ เด็กที่โตหน่อย ใช้ลูกยางดูดน้ำมูก โดยทำความสะอาดลูกยางด้วยน้ำและสบู่ บีบน้ำออกให้หมด เวลาใช้บีบกระเปาะยางให้แบนแล้วสอดเข้าไปในรูจมูกแล้วค่อย ๆ คลายมือที่บีบออกเบา ๆ เพื่อดูดน้ำมูก ใช้เสร็จแล้วควรทำความสะอาดและผึ่งลมให้แห้ง
2.ผดผื่นตอแย
เชื้อโรคมักเติบโตได้ดีในอากาศอับชื้นนำมาสู่ปัญหาผดผื่นได้
ดูแลและป้องกัน
ดูแลของใช้ลูก อย่างผ้าอ้อม เสื้อผ้า หรือผ้าห่มไม่ให้อับชื้น ก่อนเก็บผ้าให้จับดูว่าส่วนไหนยังชื้นอยู่ควรตากแดดให้แห้งหรือรีดให้หายชื้น ถ้าใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปต้องหมั่นเปลี่ยนเสมอ เพราะมีโอกาสทำให้เกิดผดผื่นได้มากกว่าผ้าอ้อมผ้า ถ้าลูกคันทาคาลามายน์เพื่อช่วยบรรเทา อย่าให้เกาเด็ดขาด ถ้ามีทีท่าว่าจะลามไม่หยุด ควรไปพบคุณหมอ
3. แมลง กัด ต่อย …
คุณแม่มักมีความสุขที่เห็นลูกกินได้ แต่ดีใจได้ไม่เท่าไหร่ก็มานั่งกลุ้มเพราะของที่ลูกกินมีแต่ขนมกรุบกรอบ ลูกอม ช็อกโกแลต เยลลี่ คุกกี้ ขนมเค้ก ไอศกรีม ฯลฯ ที่มีแต่แป้ง ไขมัน น้ำตาล เกลือที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคสารพัด
แล้วจะทำอย่างไรดีลูกกินแต่ขนม เรามี 5 วิธีแก้ไขมาฝากค่ะ
1.จัดสรรเวลา
ควรจัดสรรเวลาอาหารของลูก ไม่ควรให้ลูกกินขนมก่อนกินอาหารมื้อหลัก เพราะจะทำให้ลูกอิ่มจนไม่อยากกินข้าว
2.จัดปริมาณ
ไม่ปล่อยให้ลูกกินขนมไปเรื่อย ๆ แม้ว่าจะอย่างละนิดอย่างละหน่อยก็ตาม ตกลงกับลูกว่าสามารถกินขนมในปริมาณมากน้อยแค่ไหน
3.จัดผลไม้แทนขนม
ไม่ควรมีขนมเก็บไว้ในบ้านมากเกินไป เตรียมของว่างที่มีประโยชน์หรือผลไม้ไว้แทนขนมจะดีต่อสุขภาพของลูกมากกว่า
4.จัดให้นาน ๆ ครั้ง
สำหรับเด็กที่เคยติดใจในรสชาติขนมไปแล้ว การห้ามกินขนมค่อนข้างทำร้ายจิตใจเด็ก ให้ลูกกินได้ในปริมาณที่เหมาะสม หรือกินบ้างนาน ๆ ครั้ง
5.จัดพฤติกรรมของพ่อแม่
คุณพ่อคุณแม่ควรทำตัวเป็นต้นแบบที่ดีในเรื่องการกิน ทั้งไม่กิน และไม่ซื้อแต่ขนม แต่เลือกกินของที่มีประโยชน์
พยายามสร้างความคุ้นเคยในการกินอาหารที่มีประโยชน์ตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อสุขภาพของลูกค่ะ
การนอน เป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเบบี๋ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสมอง ค่ะ การนอนกรนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่บางกรณีอาจเป็นอันตรายได้ค่ะ
แล้วลูกเรานอนกรนหรือเปล่า
ถ้ายังไม่แน่ใจ ควรสังเกตการนอนของลูก ดูว่านอนกรนหรือไม่ เพราะจากการศึกษาพบว่า 20 % ของเด็กมีอาการนอนกรน โดย 7 - 10 % มีอาการนอนกรนทุกคืน เด็กหลายคนนอนกรนแต่ก็มีสุขภาพดี แต่พบว่าราว 2% มีปัญหาขณะหลับ คือ มีปัญหาหายใจลำบาก อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น
รู้จักภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea Syndrome : OSAS)
ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นมักเกิดจากช่องคอที่แคบลงและปิดในระหว่างหลับ ทำให้เด็กมีอาการหายใจเสียงดัง หายใจหอบ สะดุ้ง สำลัก เวลาหายใจเข้าหน้าอกจะบุ๋มปกติขณะหลับ
โดยปกติขณะหลับกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายจะหย่อนตัวลง รวมทั้งกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจด้วย เด็กที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นกล้ามเนื้อคอจะหย่อนตัวมาก ทำให้ช่องคอแคบกว่าปกติจนกระทั่งช่องคอปิด ทำให้เด็กพยายามหายใจเพิ่มขึ้น อาจได้ยินเสียงหายใจดังเฮือกเมื่อเริ่มกลับมาหายใจอีกครั้ง การหายใจเช่นนี้อาจกระตุ้นให้ตื่นเป็นช่วงสั้น ๆ และอาจทำให้หัวใจมีภาวะขาดออกซิเจน…
ความรักที่พ่อและแม่มีให้กับลูกนั้น เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะอธิบายด้วยคาใดได้ แต่คุณพ่อคุณแม่เคยทราบกันบ้างหรือไม่ว่า บางครั้งเราก็ทาร้ายหรือรังแกลูกด้วยการแสดงออกถึงความรักหรือการทุ่มเทให้ความรักด้วยวิธีที่ผิดที่ผิดทางจนลูกของเราไม่สามารถที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆที่เขาต้องเผชิญด้วยตัวเองตามวัยของเขาได้ อย่างที่ใครๆหลายคนเรียกว่า “พ่อแม่รักแกฉัน” วันนี้เรามาดูกันว่า พ่อแม่รังแกลูกด้วยวิธีใดได้บ้าง
พฤติกรรมการกิน
ถือเป็นปัญหาโลกแตกแทบจะทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว แต่ปัญหานี้จะเป็นที่น่ากังวลและหนักใจที่สุดหากเป็นลูกน้อยของเรา
ไม่ว่าจะติดเล่นไม่ยอมกิน หรือหากกินก็เล่นอาหาร แม้แต่เวลากินอาหารจะต้องมีคนป้อนเสมอถึงจะยอมกิน
ปัญหาเหล่านี้จะหายไปเพียงแค่คุณพ่อคุณแม่มอบอำนาจให้แก่ลูก
และไม่คิดเองเออเองแทนลูก จะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ตามมาดูกันเลย
2 Step ‘พฤติกรรมการกิน’ ที่พ่อแม่ต้องทำ
1.กำหนดกติกาการกิน
ใช่แล้ว .. ทุกอย่างย่อมมีกติกา การกำหนดกติกาในการกินอาหารหากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหน
นึกไม่ออก
ก็สามารถนำกติกาที่เราจะมาเล่าสู่กันฟังนี้ไปใช้หรือปรับใช้ให้เข้ากับครอบครัวของแต่ละคนได้เลยค่ะ
-
กำหนดเวลากินอาหารที่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว
จะกำหนดเป็นเวลา 6 โมง 6 โมงครึ่ง ก็ได้ค่ะ
ยืดหยุ่นตามกิจกรรมหรือเวลาว่างของคนในครอบครัวได้เลย
ปล.แต่ถ้าหากวันไหนไม่ว่างกินพร้อมกันก็ไม่เป็นไรค่ะหยวนๆกันไปบ้างบางวันเนอะ
^^
- กำหนดเวลากินอาหาร
กำหนดเวลากินอาหารแต่ละครั้งค่ะ
ว่าควรกินกันกี่นาทีเพื่อให้มีเวลาเหลือไปทำธุระส่วนตัวหรือกิจกรรมร่วมกับคุณลูกให้มากขึ้นด้วย
เช่น กำหนดเวลากินอาหารเช้า 20 นาที เพราะเป็นเช้าที่เร่งรีบต้องทำเวลากันหน่อย หรือกินอาหารเย็น 30 นาที อะไรแบบนี้ค่ะ
- ห้ามกินขนม ของว่าง
หากไม่กินอาหารหลัก
เราว่าข้อนี้หลายๆบ้านน่าจะเป็นกัน
ที่ลูกไม่ยอมกินข้าวเลย กินแต่ขนมหรือของว่างต่างๆ ก็อาจจะบอกลูก เตือนลูกว่า ‘หากไม่กินอาหารหลักจะอดกินของว่างนะ’ หรือลูกไม่ยอมก็ให้เขาอดอาหารมื้อนั้นไปเลยค่ะ
จะได้รู้จักกับความหิวด้วยว่าเป็นอย่างไรหากไม่ยอมกินอาหาร
2.บังคับใช้กติกา
บังคับใช้กติกานะคะ…
ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกอยู่สุขใจสบายเนื้อสบายตัว ไม่มีปัญหารบกวนผิว แต่ลูกกลับมีปัญหาผดผื่นขึ้นจนได้ ยิ่งอากาศบ้านเราเปลี่ยนแปลงง่าย เริ่มอบอ้าวทีไรผดผื่นลูกก็ผุดขึ้นมาให้แม่ ๆ กลุ้มใจได้ตลอด ไม่เป็นไรค่ะเรามีวิธีจัดการ
รู้ทันผดผื่น
ทราบไหมคะว่าผดของลูกเกิดจากมีเหงื่อออกมาก เนื่องจากร่างกายมีความร้อนมากเกินไปค่ะ ไม่ได้เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดด
ผดจะมีลักษณะเป็นผื่นสีแดง ๆ มักขึ้นตามร่างกายในบริเวณที่มีต่อมเหงื่อมาก เช่น ใบหน้า ซอกคอ ไหล่ ตามข้อพับ ขาหนีบ ตัวลูกก็จะแดง ๆ และผิวหนังจะร้อน สาเหตุที่วัยเบบี๋เป็นผดบ่อย เพราะต่อมเหงื่อยังพัฒนาไม่เต็มที่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงแต่อย่างใด
วิธีดูแล
หาเสื้อผ้าเนื้อบางเบา เหมาะสมกับอากาศมาสวมใส่ให้ลูกเล็กอย่างผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นผ้าที่ซับเหงื่อได้ดี และไม่ทำให้ร่างกายของลูกร้อน จึงเหมาะสมสำหรับการให้เด็กสวมใส่มากที่สุด งดเสื้อผ้าที่เป็นขนสัตว์มุ้งมิ้ง หรือเส้นใยสังเคราะห์ อย่าสวมเสื้อหนาเกินไป หรือใส่ให้ลูกหลาย ๆ ชั้น ยิ่งอากาศร้อน ห้ามใส่ หมั่นอาบน้ำชำระร่างกายให้ลูกบ่อย ๆ ด้วยน้ำธรรมดาในอุณหภูมิห้อง แล้วเช็ดตัวให้แห้ง การอาบน้ำบ่อย ๆ จะช่วยให้ผิวหนังลูกเย็นลง ลูกก็จะสบายตัวมากขึ้น จัดห้องลูกไม่ให้ร้อนอบอ้าว อากาศถ่ายเทได้ดี มีลมพัดเข้าออกเบา…
เด็กตอบสนองเสียงต่าง ๆ ตั้งแต่แรกเกิดค่ะ คุณแม่ลองสังกตลูกดูว่าถ้ามีเสียงดนตรีแทรกขึ้นขณะที่มีเสียงอื่นดังอยู่ ลูกจะทำท่าเงี่ยหูฟังดนตรีอย่างตั้งใจ ถ้าได้ยินเสียงแม่เห่กล่อม ลูกก็จะนอนง่ายขึ้น
เด็กในวัยแรกเกิดถึง 1 ขวบมีพัฒนาการตอบสนองต่อเสียงดนตรีเพิ่มขึ้นตามวัยดังนี้ค่ะ
วัย 1 เดือน รู้จักมองหาจุดที่มาของเสียงที่ได้ยิน เมื่อได้ยินเสียงแม่ร้องเพลงจะจำได้เป็นพิเศษ
วัย 2 เดือน สนใจฟังเสียงต่าง ๆ แสดงอาการชอบใจ เมื่อได้ฟังเสียงดนตรีและเสียงเพลงจะชะงักงัน และหยุดนิ่งเพื่อฟังเสียง
วัย 3 เดือน หนูชอบส่งเสียงอืออาตอบรับเสียงที่ได้ยิน หันหน้าไปหาเสียงเพลง เงี่ยหูฟัง บางทีก็หยุดดูดนมเพื่อตั้งใจฟังเสียงที่เกิดขึ้น ส่งเสียงในลำคอโต้ตอบเสียงนั้น
วัย 4 เดือน เวลาได้ยินเสียงดนตรีจะตอบสนองทันที มองหาแหล่งเกิดเสียงแล้วก็หยุดฟังเสียงดนตรี เวลาลูกส่งเสียงเหมือนพูดคุย ก็ยังมีระดับเสียงขึ้นลงเหมือนเสียงดนตรีด้วยนะ
วัย 5 เดือน เวลาเปิดเพลงจะมีปฏิกิริยาเหมือนตอบสนองต่อจังหวะและทำนองดนตรี แล้วจะใช้วิธีการส่งเสียงเป็นการสื่อสารกับคนอื่นได้ด้วย
วัย 6 เดือน ทำท่าพอใจเมื่อได้ยินเสียงดนตรี เช่น ผงกหัว โน้มตัวลงตอบสนอง ส่งเสียงพึมพำ ทำหน้าประหลาดใจต่อแหล่งที่มาของเสียง พูดเลียนระดับเสียงดนตรี…