คุณแม่ทราบมั้ยคะว่าเพียงแค่พักสายตางีบหลับสั้น ๆ ช่วงกลางวัน ก็สามารถชาร์ตแบตให้สมองตื่นตัว พร้อมรับภารกิจต่อไปค่ะ เพียงแค่อาศัยเทคนิคงีบแบบมีประสิทธิภาพซักนิด
10 - 30 นาที
จะช่วยเพิ่มการทำงานสมองให้ดีขึ้น อย่านานกว่านั้น ยิ่งนอนกลางวันนานตื่นขึ้นมาสมองจะเฉื่อยชา กลับรู้สึกไม่เต็มอิ่มและไม่สดชื่นเท่ากับการนอนเพียงระยะเวลาสั้น ๆ
13.00 - 15.00 น.
เป็นช่วงเวลาเหมาะที่สุดสำหรับการงีบหลับไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ร่างกายได้พักผ่อนจริง ๆ และพักสมองอย่างมีคุณภาพ อย่างีบหลังจาก 15.00 น.นะคะเพราะจะทำให้นอนไม่หลับในเวลากลางคืน
เทคนิคง่าย ๆ อย่างนี้หาเวลางีบบ่อย ๆ นะคะ จะเป็นการรีเฟรชสมองเติมความสดใสให้คุณแม่ค่ะ
ควันบุหรี่มือสองที่ผู้สูบสร้างพิษภัยในอากาศ และทำร้ายผู้สูดดมที่อยู่ใกล้ไปด้วยโดยเฉพาะลูกวัยเบบี๋และแม่ท้อง เมื่อได้รับสารพิษจากควันบุหรี่มือสองนาน ๆ จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ง่ายขึ้น พบว่าผู้ไม่สูบบุหรี่หลายแสนคนต้องเสียชีวิต เนื่องจากได้รับควันบุหรี่มือสอง
แม่ท้อง หากได้รับควันบุหรี่มือสองก็จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์และการคลอดได้สูง อาจเกิดครรภ์เป็นพิษ แท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กที่เกิดมาก็จะมีความเสี่ยง มีน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็ก มีความยาวน้อยกว่าเด็กปกติ พัฒนาการทางสมองล่าช้า อาจมีความผิดปกติทางระบบประสาท ความจำ เป็นต้น
เด็กเล็ก อาจป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม และมีอัตราการเป็นโรคหืดเพิ่มขึ้น เกิดการติดเชื้อของหูส่วนกลาง และในระยะยาวก็จะมีพัฒนาการของปอดน้อยกว่าเด็กที่ไม่ด้รับควันบุหรี่
ป้องกันแม่ท้องและลูกน้อยจากควันบุหรี่มือสอง
อยู่ให้ห่างหรือเดินเลี่ยงไปไม่อยู่ใกล้คนที่สูบบุหรี่ พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนสูบบุหรี่ บอกคนที่บ้านหรือคนที่สูบบุหรี่ใกล้ตัวให้เลิกสูบบุหรี่ พยายามทำให้บ้าน รถยนต์ส่วนตัว และที่ทำงานปลอดบุหรี่ ดูว่าสถานที่รับเลี้ยงเด็กที่นำลูกไปฝาก หรือโรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่หรือไม่ ถ้าไม่ควรเปลี่ยนสถานที่ สอนให้ลูกอยู่ห่างจากควันบุหรี่มือสอง และไม่อยู่ใกล้ชิดกับคนสูบบุหรี่ ในระยะยาว คนที่ได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นเวลานาน ๆ มีโอกาสเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งคล้ายกับคนที่สูบบุหรี่เอง เด็ก แม่ท้อง และทุกคนจึงควรหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง…
คุณพ่อคุณแม่เคยนึกมั้ยคะว่า จะเตรียมอะไรมอบเป็นของขวัญให้ลูกแรกเกิดและยังสร้างความประทับใจให้กับเขาไปจนถึงตอนโต
ขอแนะนำ Horokid หนังสือคำทำนายที่คุณพ่อคุณแม่สร้างเพื่อลูกโดยเฉพาะ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำให้กับเด็ก ๆ ค่ะ
เนื้อหาในหนังสือเกี่ยวกับอะไรนะ ?ภายในหนังสือจะบอกเล่าถึงลักษณะนิสัยของเด็กตามช่วงเวลาเกิดของเด็กแต่ละคน บอกปีนักษัตร ราศีเกิด โดยคุณพ่อคุณแม่เป็นคนสร้างเนื้อหาจากการใส่ข้อมูล วัน เดือน ปีเกิด กรุ๊ปเลือด ของลูก แล้วคุณพ่อคุณแม่ยังเขียนคำอวยพรจากใจสู่ลูกได้ด้วยนะคะ
ถ้าอยากสร้างให้ลูกรักซักเล่มนึงต้องทำยังไงบ้าง ?ง่ายมาก ๆ ค่ะ เข้าไปในเว็บไซต์ Horokid เข้าไปกรอกข้อมูล ใส่ชื่อลูก วันเดือนปีเกิดของลูก พิมพ์คำอวยพรหรือข้อความซึ้ง ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่อยากจะบอกลูก ไม่เกิน 10 วันก็จะได้รับหนังสือส่งมาทางไปรษณีย์ค่ะ
เท่านี้คุณพ่อคุณแม่ก็จะได้ของขวัญชิ้นพิเศษสุดที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกมอบให้ลูกรักแล้วค่ะ
เมื่อต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดด แม่ ๆ หรือเด็กโตเมื่อออกนอกบ้านสามารถทาครีมกันแดดปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี แต่สำหรับทารกก่อนวัย 6 เดือนแล้ว ผิวหนังยังอ่อนบางและมีโอกาสแพ้ได้ง่าย จึงยังไม่เหมาะกับการทาครีมกันแดด (Sunscreen) เพื่อปกป้องผิว
แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ ถึงแม้ทารกน้อยจะยังใช้ครีมกันแดดไม่ได้ เรายังมีวิธีอื่นในการดูแลปกป้องผิวลูกน้อย โดยการเลี่ยงพาลูกออกไปสัมผัสกับแสงแดดจัดนอกบ้านในช่วง 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงซึ่งเป็นช่วงแดดจัด หรือดูว่าก่อนและหลังเวลาดังกล่าวแดดยังแรงอยู่ก็ควรเลี่ยงเช่นกัน กางร่ม ใส่เสื้อผ้าปกปิดผิวลูกไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรง หรือสวมหมวกให้ลูกจะได้ไม่ต้องสัมผัสกับรังสียูวีโดยตรง
คุณแม่ควรดูสักนิดว่าการสวมเสื้อผ้าหรือหมวกเพื่อป้องกันแสงแดดนั้นจะทำให้ลูกร้อนอบอ้าวเกินไปหรือไม่นะคะ
มีของเล่นใหม่ ๆ มาอัพเดทค่ะ คราวนี้เป็นของเล่นทรายอันแสนมหัศจรรย์ที่คุณลูกต้องชอบ เด็ก ๆ สามารถสนุกกับการเล่นทรายมหัศจรรย์ Motion Sand กันได้ตามจินตนาการ
ทรายมหัศจรรย์จาก USA นี้มีความพิเศษตรงไม่แห้งแล้วก็ไม่คืนรูปค่ะ เนื้อทรายยึดเกาะเป็นรูปร่างได้ดี ไม่เลอะมือหรือเสื้อผ้า ไม่ทำให้พื้นเป็นมันแบบดินน้ำมัน
ส่วนจะฟุ้งกระจายแบบทรายมั้ย ขอตอบว่าไม่ค่ะ เพราะเค้ามองเห็นปัญหาการเล่นทรายอย่างหนึ่งก็คือมีโอกาสฟุ้งกระจายเข้าจมูกหรือเข้าตาเด็ก ถ้าเล่นทรายจริง ๆ คุณแม่ยังต้องมาเก็บกวาดผงทรายหลังลูกเล่นเสร็จ
คุณลูกสามารถเล่น Motion Sand ในบ้าน สีทรายสวย ๆ ที่ลูกปั้นก็ไม่ติดมือ ปลอดกลิ่น ปลอดสารพิษ และไม่ต้องกังวลว่าจะมีแบคทีเรียสะสมในทราย
ชุดทรายนี้มีให้เลือกหลายชุดพร้อมบล็อกพิมพ์ตามความชอบของเด็ก ๆ ชุดไดโนเสาร์ ชุดสัตว์ทะเล ชุดซาฟารี ชุดทำขนมเค้ก ฯลฯ
นอกจากเด็กๆ จะได้สนุกเพลิดเพลินกับจินตนาการแล้ว การเล่นทรายยังเป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสการรับรู้ผิวสัมผัสที่แตกต่าง อีกทั้งยังได้ฝึกฝนกล้ามเนื้อมือให้มีพัฒนาการที่ดีด้วยค่ะ
ขณะโดยสารรถยนต์ ผู้ใหญ่คาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย ลูกตัวโตอายุเกิน 12 ขวบมักจะใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ แล้วลูกเล็กล่ะมีอะไรปกป้องเขาได้หากเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง
การอุ้มเด็กนั่งเบาะหลังดูเหมือนว่าจะปลอดภัยดี แต่มักพบว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุเด็กจะได้รับอันตรายรุนแรงจากการกระแทกกับตัวรถหรือกระเด็นออกนอกตัวรถ
คาร์ซีทจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กค่ะ
รายงานจาก WHO หรือองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าการใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็กสามารถลดอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยลดโอกาสเกิดการสูญเสียชีวิตของเด็กได้ถึง 70 %
จะดีแค่ไหนถ้าความปลอดภัยพกพาได้
คาร์ซีทที่พบเห็นโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นเก้าอี้นั่งบุนวมติดตั้งในรถยนต์ แต่คาร์ซีทแบบพกพามีขนาดเล็กมาก สามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่ นั่นก็คือ Mifold นวัตกรรมนี้คิดค้นขึ้นมาจากไอเดียของ Mr. Jon Sumroy คุณพ่อที่เป็นห่วงสวัสดิภาพยามเดินทางของลูก ๆ ทั้ง 4 คนของเขา
จุดเด่นของคาร์ซีทแบบพกพา
1.มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ผลิตด้วยวัสดุเดียวกับที่ใช้ในการผลิตเครื่องบิน จึงมีความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบา เมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถปกป้องความปลอดภัยให้ลูกได้ และได้รับการรับรอง Regulatory Approval จาก US & EU
2.ได้รับ 14 รางวัลระดับสากลจากนานาประเทศทั้งรางวัลด้านความปลอดภัยและการดีไซน์ที่เหมาะสม…
คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกในทุกเรื่อง รวมทั้งขณะเดินทางโดยรถยนต์ด้วยใช่ไหมคะ คำถามก็คือ…เราปกป้องลูกให้ปลอดภัยจากอันตรายหากเกิดอุบัติเหตุแล้วหรือยัง หากไม่แน่ใจหรือคิดว่าลูกปลอดภัยในยามเดินทางเพียงพอแล้ว มาดูข้อเท็จจริง 6 ข้อนี้กันค่ะ
1.การที่ในรถไม่มีที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือคาร์ซีท หากเกิดอุบัติเหตุรถชน โอกาสเกิดอันตรายจะมีสูง ทั้งจากตัวเด็กกระแทกกับตัวรถหรือกระเด็นออกนอกรถ
2.WHO องค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลว่า การใช้คาร์ซีทช่วยลดอันตรายจากอุบัติเหตุและลดโอกาสเสียชีวิตได้ถึง 70 %
3.เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีควรนั่งเบาะหลังเท่านั้น และใช้คาร์ซีท หากตัวโตพอจะใช้เข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ สายรัดจะต้องอยู่ในจุดที่ไม่เป็นอันตรายกับตัวเด็ก
4.การอุ้มเด็กนั่งเบาะหลังไม่ปลอดภัยเพียงพออย่างแน่นอน หากเกิดอุบัติเหตุรถชนรุนแรงรถจะหยุดกะทันหัน มักพบอุบัติเหตุที่เด็กไม่ได้อยู่ในที่นั่งนิรภัยจึงไม่มีสิ่งยึดตัวไว้ จะกระแทกกับตัวรถ หรือหลุดกระเด็นออกนอกรถ
5.ไม่ควรให้เด็กอายุไม่ถึง 13 ปีหรือตัวยังไม่โตพอคาดเข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ เพราะเป็นของที่ทำขึ้นมาเพื่อให้พอดีกับขนาดตัวของผู้ใหญ่ หากเกิดอุบัติเหตุสายเข็มขัดนิรภัยอาจบาดหน้าหรือคอเด็ก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและชีวิตของเด็ก
6.เด็กทุกวัยควรใช้คาร์ซีท ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดตัวของเด็ก
เด็กแรกเกิดถึง 2 ขวบควรใช้คาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางท้ายรถ เพราะเด็กวัยนี้ศีรษะใหญ่กระดูกคออ่อนอยู่ การนั่งหันไปข้างหน้าเวลาเกิดอุบัติเหตุศีรษะจะสะบัดไปด้านหน้าและกลับมาข้างหลังกระดูกต้นคอหักได้ง่าย ควรปรับเปลี่ยนขนาดคาร์ซีทให้เหมาะกับตัวลูกเมื่อโตขึ้น คาร์ซีทพกพาเหมาะกับเด็กวัย 4-12 ขวบ เพราะเป็นการใช้ร่วมกับสายคาดนิรภัยที่ติดอยู่กับรถยนต์สามารถปรับขนาดสายให้เหมาะกับตัวเด็ก
ทั้ง 6 ข้อนี้น่าจะเป็นตัวช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประเมินได้ว่าดูแลความปลอดภัยให้ลูกยามเดินทางเพียงพอแล้วหรือยัง ถ้ายังควรเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ลูกโดยด่วนค่ะ
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตเราทุกคนรวมทั้งเด็ก ๆ ด้วยค่ะ ในแต่ละวันคุณแม่ต้องดูแลลูกให้ดื่มน้ำอย่างพอเพียง เพราะเด็ก ๆ มักจะมีโอกาสดื่มน้ำน้อย เนื่องจากไม่ได้สนใจจะดื่ม หรือเพลิดเพลินกับการเล่น เด็กบางคนก็ไม่ชอบดื่มน้ำเอาเสียเลย ปัญหานี้อาจทำให้คุณแม่กังวลถึงสุขภาพลูกมิใช่น้อย
แน่นอนว่าการดื่มน้ำน้อยจะส่งผลเสียต่อสุขภาพลูกหลายด้าน ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายรวมทั้งเซลล์สมองไม่ได้น้ำไปหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ ร่างกายระบายความร้อนไม่ได้ดี มีปัญหาท้องผูก ผิวหนังและริมฝีปากแห้งแตก สมองตื้อ อารมณ์ไม่แจ่มใส หากขาดน้ำมาก ๆ อาจทำให้หน้ามืดเป็นลม หรือช็อกได้
Motherandcare มีเคล็ดลับช่วยให้ลูกดื่มน้ำเพิ่มมาฝากคุณแม่
1.หลังจากอายุเกิน 6 เดือนไปแล้วเริ่มฝึกให้ลูกจิบน้ำ และเมื่อโตขึ้นอีกหน่อยให้ลูกจิบน้ำบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย
2.อย่าบังคับให้ดื่มครั้งละมาก ๆ เพราะลูกจะรู้สึกไม่อยากดื่ม ให้จิบทีละน้อยแบ่งเป็นหลาย ๆ ครั้งตลอดวันจะดีกว่า
3.หาแก้วน้ำลายน่ารักที่ลูกชอบมาให้ใช้
4.หากระติกน้ำขนาดพอเหมาะกับตัวลูกลายน่ารักให้เขาพวกเวลาพาเขาเดินทางไม่ว่าใกล้ไกล
5.วางขวดหรือแก้วน้ำไว้ใกล้ตัวลูก ทั้งในบ้าน และตอนออกไปวิ่งเล่นในสนาม
6.ให้ลูกดื่มน้ำผลไม้รสไม่หวานจัดจะหลับบ้างแก้เบื่อ
7.หากลูกเล่นซนเหงื่อออกมาก ท้องเสีย อาเจียน ร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก คุณแม่ต้องช่วยชดเชยให้ลูกด้วยการให้เขาดื่มน้ำ
เพียงแค่ 7 เคล็ดลับง่าย…
คุณแม่บางท่านอาจสงสัยว่า การดื่มน้ำมีวิธีที่ถูกและผิดด้วยหรือ จะเรียกว่าผิดเสียทีเดียวก็อาจจะไม่ใช่เพียงแต่ว่าบางวิธีที่ใช้อยู่ยังไม่เหมาะสมเท่าใดนัก เช่น บังคับให้ลูกดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ ให้ลูกดื่มน้ำหวานตามใจชอบโดยไม่กำหนดปริมาณที่เหมาะสม ให้ลูกดื่มน้ำอัดลม น้ำแร่ หรือชากาแฟ
3 วิธีฝึกลูกให้ได้ประโยชน์จากการดื่มน้ำ
1.ให้จิบบ่อย ๆ ระหว่างวัน อาจจะครึ่งแก้วบ้าง 1 แก้วบ้าง เฉลี่ยไปทั้งวันยกเว้นใกล้เวลานอนเพราะจะทำให้ปัสสาวะตอนกลางคืน การให้ลูกได้รับน้ำตลอดทั้งวันจะดีต่อร่างกายมากกว่าการให้ดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ
2.ฝึกให้ดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก อนุญาตให้ดื่มน้ำหวานได้บ้างแต่ต้องไม่มาก เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกได้รับน้ำตาลเกินและฟันไม่ผุ
3.ฝึกให้ดื่มน้ำในอุณหภูมิห้อง เวลาเป็นไข้ไม่สบายจะไม่ต้องเรียกร้องขอดื่มน้ำเย็น แต่ก็ไม่ควรเคร่งครัดถึงกับห้ามดื่มน้ำเย็นเลย เด็กบางคนชอบน้ำเย็นเพราะดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น
ดูแลลูกแล้วคุณแม่เองก็อย่าลืมดื่มน้ำนะคะ
ถ้าพูดถึงการบำรุงสมองแล้ว คุณพ่อคุณแม่มักจะนึกถึงเรื่องอาหารการกินของลูกเป็นอันดับแรกใช่ไหมคะ จะคอยดูแลให้เขาได้รับอาหารดี ๆ มีประโยชน์ครบถ้วน แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมากเรียกได้ว่าถ้าขาดแล้วสมองแย่แน่ นั่นก็คือ “น้ำ” ค่ะ
หากในแต่ละวันลูกดื่มน้ำน้อยเกินไป จะส่งผลให้เซลล์ต่าง ๆ ได้รับน้ำไม่เพียงพอ นอกจากจะก่อปัญหากับการทำงานของร่างกายแล้ว ยังมีผลต่อสมองอย่างยิ่งผลเสียเมื่อสมองลูกขาดน้ำ
1.ขาดสมาธิ บทความหนึ่งที่ตีพิมพ์ในเว็บไซต์ Psychology Today กล่าวว่ามีรายงานการวิจัยหลายชิ้นพบว่า ถ้าร่างกายขาดน้ำ สมองของเราจะไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
2.ความจำไม่ดี สมองของคนเราบันทึกทั้งความจำระยะสั้นและความจำระยะยาวค่ะ ความจำระยะสั้นก็คือการจำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้ได้ การขาดน้ำจะทำให้ลืมเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้มาเมื่อไม่นาน เช่น จำสิ่งที่เพิ่งบอกไปเมื่อครู่หรือเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่ได้ ส่วนความจำระยะยาวคือเรื่องราวที่สมองบันทึกไว้นานมาแล้ว หากขาดน้ำจะทำให้นึกย้อนไปหาข้อมูลเก่า ๆ ได้ช้าลง
3.เรียนรู้ช้า เมื่อขาดสมาธิและความจำไม่ดี จึงส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก ทั้งการเรียนรู้โลกรอบตัวและการเรียนหนังสือ เนื่องจากการเรียนรู้และการคิดต้องอาศัยข้อมูลเก่ากับข้อมูลใหม่ร่วมกันเพื่อประมวลผล ลูกต้องจำคำศัพท์ได้ก่อนถึงจะเรียบเรียงประโยคได้ ลูกต้องจดจำตัวเลขและจำวิธีบวกลบคูณหารได้ก่อนจึงจะตอบโจทย์คำนวณได้
4.ขาดพลัง สมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบ 85% ถ้าสมองขาดน้ำจะรู้สึก ว่าสมองตื้อคิดอะไรไม่ออกและขาดพลังความคิด การได้ดื่มน้ำอย่างพอเพียงจะทำให้การส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองรวดเร็วขึ้น
5.อารมณ์ไม่สดชื่น การดื่มน้ำไม่เพียงพอจะส่งผลต่ออารมณ์ทำให้รู้สึกไม่สดชื่น…