แม่ท้องอาจต้องเดินทางไปต่างประเทศ ช่วงเวลาที่เหมาะคือ ไตรมาสที่ 2 คุณแม่ไม่แพ้ท้องแล้วและโอกาสเสี่ยงน้อยกว่าไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย ควรเตรียมตัวดังนี้ค่ะ
1.ตรวจสุขภาพก่อนไป ปรึกษาคุณหมอสักนิด และพกยาที่ใช้ประจำรวมทั้งยาจำเป็นต่าง ๆ ไปด้วย
2.เตรียมใบรับรองแพทย์ไปด้วยหรือบอกทางสายการบินว่าตั้งครรภ์ เพื่อทางสายการบินจะได้เลือกที่นั่งที่สบายสำหรับคนท้องให้
3.ลุกขึ้นเดินบ้างและควรเลือกที่นั่งที่สามารถยืดตัวได้มาก ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ คุณแม่อาจเตรียมอาหารส่วนตัวไปด้วย เผื่อกินอาหารบนเครื่องไม่ได้
4.การเดินทางไกลข้ามทวีป ควรใช้เวลาพักผ่อนหลังการเดินทาง 2-3 วัน เพื่อให้หายเหนื่อยและหายเครียดจากการเดินทาง และให้ร่างกายได้ปรับตัวกับสถานที่และเวลาที่แตกต่าง
5.ติดตามข่าวโรคระบาดก่อนเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยง
มาดูกันว่ามีไอเทมใดจำเป็นบ้างเมื่อต้องพาลูกไปเที่ยวไกล ๆ ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศค่ะ
1.คาร์ซีท เพื่อความปลอดภัยของลูกยามเดินทาง เด็กควรจะนั่งอยู่บนเบาะนิรภัยเสมอ การอุ้มเด็กนั่งเบาะหลังก็ไม่ปลอดภัยนะคะหากเกิดอุบัติเหตุเด็กมีโอกาสกระเด็นออกนอกรถได้ *แนะนำ : คาร์ซีทขนาดพกพา mifold เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม ด้วยขนาดเล็กนิดเดียวแต่คุณภาพมาตรฐานยุโรปและยังราคาเบา ๆ
2.ทิชชู่เปียกทิชชู่แห้ง ทิชชู่โดยเฉพาะทิชชู่เปียกเป็นตัวช่วยที่ดีของแม่ ๆ ค่ะ เพราะมันช่างสารพัดประโยชน์ เช็ดทำความสะอาดได้ตั้งแต่ใบหน้าปากมือลูก มือแม่ เช็ดโต๊ะ เช็ดกระเป๋า ไม่มีน้ำก็ทำความสะอาดได้ อย่าลืมเลือกยี่ห้อที่ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองสำหรับเด็กนะคะ
3.ผ้าอ้อมสำเร็จรูป พกไปให้พอค่ะ มีประโยชน์มากสำหรับการเดินทางไกล ตอนจัดกระเป๋าทำ checklist เอาไว้ก็ดีค่ะกันลืม ของสำคัญอย่างนี้ขาดไม่ได้ ถ้าไม่ค่อยได้ใช้พยายามเลือกที่ขอบขากระชับ ซึมซับดี ไม่อับชื้น และลูกเคลื่อนไหวสบาย
4.เสื้อผ้า จัดเสื้อผ้าพกติดกระเป๋าสะพายติดตัวไว้ด้วยค่ะ เผื่อเจ้าตัวเล็กทำเสื้อผ้าเพื่อนจะได้มีเปลี่ยน เสื้อผ้าคุณแม่ด้วยนะคะบางทีคุณลูกเผื่อแผ่ความเลอะเทอะมาถึงคุณแม่ด้วย
5.กระติกน้ำ ระหว่างเดินทางเด็กไม่ควรขาดน้ำเพราะอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะถ้าอาการร้อนจัด การให้เขาพกกะติกน้ำเป็นการฝึกให้เขารู้จักดูแลตัวเอง *แนะนำ : Gululu…
ที่ประเทศญี่ปุ่น เด็กนักเรียนเกือบทุกคนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาขึ้นไป มักจะเดินทางไปโรงเรียนเอง ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เรียนโรงเรียนรัฐบาล ซึ่ง เด็กส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องเดินไปกลับโรงเรียนเอง แม้ว่าวันที่มีการเรียนการสอนจะเป็นวันที่ฝนตกหนัก หรือหิมะตก
ในเมืองใหญ่อย่างกรุงโตเกียว แม้ว่าหลายครอบครัวจะมีรถยนต์ แต่ผู้ปกครองก็จะไม่นำรถยนต์มาใช้หากไม่จำเป็น ดังนั้นทุกคนในครอบครัวจะเดินเท้าไปยังสถานีรถไฟหรือป้ายขึ้นรถบัสประจำทาง
และเหตุผลที่คนญี่ปุ่นเลือกที่จะให้เด็กนักเรียนเดินทางด้วยตัวเอง มีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ ได้แก่
1. แก้ปัญหาการจราจรยามเช้า ที่ผู้ปกครองจะมาส่งลูกๆ บริเวณโรงเรียน
2. ลดเวลาและภาระของผู้ปกครอง ในการส่งลูกที่โรงเรียน ตอนเช้า
3. ฝึกวินัยและความตรงต่อเวลา ซึ่งถ้าเด็กคนไหนช้า เพื่อนๆ ก็จะต้องรอหน้าบ้านจนกว่าจะลงมาแล้วเดินไปพร้อมกัน เพราะคงไม่มีใครอยากให้เพื่อนรอ
4. ส่งเสริมความสัมพันธ์ให้เด็กๆ ในละแวกบ้านเดียวกันได้รู้จักกัน ช่วยเหลือและไม่ทิ้งกัน
5. สร้างความรับผิดชอบ โดยเด็กนักเรียนโตกว่า จะต้องเป็นผู้ดูและเด็กเล็กในการเดินทางไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน ทำให้เด็กมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
6.ฝึกให้รู้จักการทำงานเป็นทีม ความสามัคคี สร้างอุปนิสัยที่ดีต่อชีวิตการงานในอนาคต