Warning: Undefined array key "action" in /var/www/wp-content/themes/kicker-child/functions.php on line 2
MotherAndCare | motherandcare - Part 2
Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

Tag: MotherAndCare

6 เหตุผล ที่เด็กญี่ปุ่น เดินไปโรงเรียนโดยไม่มีผู้ปกครองไปส่ง

ที่ประเทศญี่ปุ่น เด็กนักเรียนเกือบทุกคนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาขึ้นไป มักจะเดินทางไปโรงเรียนเอง ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่เรียนโรงเรียนรัฐบาล ซึ่ง เด็กส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องเดินไปกลับโรงเรียนเอง แม้ว่าวันที่มีการเรียนการสอนจะเป็นวันที่ฝนตกหนัก หรือหิมะตก ในเมืองใหญ่อย่างกรุงโตเกียว แม้ว่าหลายครอบครัวจะมีรถยนต์ แต่ผู้ปกครองก็จะไม่นำรถยนต์มาใช้หากไม่จำเป็น ดังนั้นทุกคนในครอบครัวจะเดินเท้าไปยังสถานีรถไฟหรือป้ายขึ้นรถบัสประจำทาง  และเหตุผลที่คนญี่ปุ่นเลือกที่จะให้เด็กนักเรียนเดินทางด้วยตัวเอง มีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ ได้แก่ 1. แก้ปัญหาการจราจรยามเช้า ที่ผู้ปกครองจะมาส่งลูกๆ  บริเวณโรงเรียน 2. ลดเวลาและภาระของผู้ปกครอง ในการส่งลูกที่โรงเรียน ตอนเช้า 3. ฝึกวินัยและความตรงต่อเวลา ซึ่งถ้าเด็กคนไหนช้า เพื่อนๆ ก็จะต้องรอหน้าบ้านจนกว่าจะลงมาแล้วเดินไปพร้อมกัน เพราะคงไม่มีใครอยากให้เพื่อนรอ 4. ส่งเสริมความสัมพันธ์ให้เด็กๆ ในละแวกบ้านเดียวกันได้รู้จักกัน ช่วยเหลือและไม่ทิ้งกัน  5. สร้างความรับผิดชอบ โดยเด็กนักเรียนโตกว่า จะต้องเป็นผู้ดูและเด็กเล็กในการเดินทางไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน ทำให้เด็กมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น 6.ฝึกให้รู้จักการทำงานเป็นทีม ความสามัคคี สร้างอุปนิสัยที่ดีต่อชีวิตการงานในอนาคต

Read more

นวัตกรรมสำหรับพ่อแม่ ปี 2018

ชีวิตยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สิ่งประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ขึ้นเพื่อพ่อแม่ยุคใหม่ ที่จะมาอำนวยความสะดวกสบายในการเลี้ยงลูกมากยิ่งขึ้น Mother and Care ได้รวบรวมนวัตกรรมสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ในปี 2018 ที่น่าสนใจมาให้ชมกัน 1.คาร์ซีทพกพา คาร์ซีทพกพา mifold เป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ช่วยให้เด็กสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยในรถได้อย่างเหมาะสมตามร่างกาย สำหรับเด็กที่มีความสูง 100 ซ.ม. เป็นต้นไป โดยสามารถใช้แทน Car Seat ทั่วไปได้ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า น้ำหนักเบากว่า และพับเก็บได้อย่างง่ายดาย ภาพจาก : Mifold Thailand 2.สมาร์ทวอทช์  นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ สำหรับเด็ก เป็นทั้งอุปกรณ์ที่ช่วยบอกพิกัดของลูกด้วยระบบ GPS ป้องกันเด็กหาย กล้องถ่ายภาพ วีดีโอ บันทึกเสียง รวมไปถึงโทรศัพท์หาพ่อแม่ ที่มีรูปทรงและสีสันสดใส และเด็กๆ สามารถใช้งานได้อย่างง่ายๆ ภาพจาก  : www.vtechkids.com 3.กระปุกออมสินแสนฉลาด กระปุกออมสินรูปหมูแสนฉลาดจาก Wiggy ที่จะช่วยให้เด็กๆ รู้จักการออมเงิน โดยเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านทางแอพพลิเคชั่น ช่วยเด็กๆ ในการตั้งเป้าหมายการออมเงิน และภารกิจพิเศษที่พ่อแม่สามารถเพิ่มเงินให้ หากเป็นเด็กดีและช่วยงานบ้าน ภาพจาก  : www.wiggytoy.com 4.กระติกน้ำอินเตอร์แอคทีฟ กระติกน้ำจาก Gululu ที่มีระบบอินเตอร์แอคทีฟ…

Read more

บางสิ่งที่มีอิทธิพลนอกจากการเลี้ยงดูสั่งสอนของพ่อแม่

“คุณหมอคะ ลูกดิฉันเป็นออทิสติก ตอนนี้อายุสิบปี รักษามาตั้งแต่เขายังเล็กๆ จนถึงตอนนี้ทั้งพ่อและแม่พยายามร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อจะทำให้ลูกดีขึ้น แต่บางครั้งลูกก็ยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมาะสม   ลูกชายของคุณแม่ดูภายนอกก็เป็นเด็กน่ารักปกติ แต่มีการพูดจาที่ไม่ค่อยถูกกาลเทศะ เช่น บางครั้งก็จะพูดอะไรตรงๆ ตามที่คิด เมื่อวานคุณแม่พาเขาไปเที่ยวห้างแห่งหนึ่ง ตอนขึ้นลิฟท์ลูกชายก็พูดกับผู้หญิงคนหนึ่งว่า “อ้วนจัง กินขนมเยอะ ไม่ออกกำลังกายใช่ไหมเนี่ย”ลูกชายอาจจะจำที่แม่เคยสอนไว้ว่า ถ้าอยากแข็งแรงต้องไม่อ้วน ต้องออกกำลังกาย ไม่กินขนมเยอะ แม่ก็ตกใจมากแต่ห้ามลูกไม่ทันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นดูไม่พอใจมาก พูดเสียงดังกับแม่ต่อหน้าทุกคนว่า ทำไมไม่รู้จักสั่งสอนลูกให้พูดจาดีๆ ให้มีมารยาทสังคม เรารู้สึกแย่มากไม่อยากเป็นแม่ที่ไม่ดี   เราคงเคยได้ยินวาทกรรมของใครสักคน เวลาที่คนหนึ่งแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่ไม่ดี ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น ก็จะมีพูดออกมาเป็นการตำหนิประมาณว่า ‘เป็นลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน’ ซึ่งคงเป็นการสื่อว่า การที่คนคนหนึ่งมีพฤติกรรมเลวร้ายแบบนั้น น่าจะเกิดจาก ‘การอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ที่ไม่ดีและไม่เหมาะสม’ เป็นแน่แท้   ในความเป็นจริง การที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาเป็นคนแบบไหน คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูอย่างเดียวอย่างกรณีของลูกคุณแม่ ลูกชายมีโรคออทิสติกซึ่งเป็นความผิดปกติทางสมองอย่างหนึ่ง และถึงแม้จะเป็นเด็กทั่วไป ก็ไม่ใช่มีเฉพาะการเลี้ยงดูอย่างเดียวที่จะเป็นตัวกำหนดหลักว่าคนคนนั้นจะเป็นอย่างไร มีการทำวิจัยมากมายในสากลที่ต้องการพิสูจน์ความจริงข้อนี้   Nature VS Nurture ? หมายถึง ‘ธรรมชาติกำหนด’ หรือ ‘การอบรมดูแล’ อะไรจะมีผลมากกว่ากับการหล่อหลอมเด็กคนหนึ่งจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ งานวิจัยต่างๆ พบว่า คงไม่มีปัจจัยอย่างหนึ่งอย่างใดหรอกที่จะกำหนดว่า เด็กคนหนึ่งจะโตมาเป็นแบบไหน ทุกอย่างเป็น ‘ปัจจัยร่วมกัน’ ที่หล่อหลอมคนคนหนึ่งให้มาเป็นเช่นที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้ แล้วปัจจัยอะไรบ้าง…

Read more

เลี้ยงลูกไม่ให้ชินชากับความรุนแรง

เดี๋ยวนี้สื่อต่างๆ ในประเทศไทย เช่น ละคร ข่าว ถ้าอะไรที่มีความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง มักจะเป็นที่สนใจสำหรับคนทั่วไปมากเป็นพิเศษ ถ้าพูดกันตามหลักจิตวิทยา ก็คงเป็นเพราะสัญชาตญาณในส่วนลึกของมนุษย์ก็มีความต้องการทำตามใจตัวเองและแนวโน้มจะรุนแรงอยู่ เพียงแต่ถูกขัดเกลาด้วยการเรียนรู้ หล่อหลอมด้วยกฎระเบียบของสังคม ศีลธรรมและมโนธรรมในใจ การขัดเกลาจึงมีความสำคัญ เริ่มที่จุดที่สำคัญที่สุดคือการเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนของพ่อแม่ และ สิ่งแวดล้อมที่ไม่สนับสนุนในเรื่องความรุนแรง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะเราอยู่ในสังคมที่ความรุนแรงถูกมองเป็นเรื่องธรรมดา หรือตลกขบขัน เราเห็นได้จากในสื่อต่าง ๆ ทั้งในยูทูป ภาพยนตร์ รายการตลก จะเห็นบ่อย ๆ ว่า มุขตลกที่ถูกนำมาเล่นบ่อย ๆ คือ การที่คนคนหนึ่งกระทำความรุนแรงกับอีกคน ไม่ว่าจะเป็น การแกล้ง รังแก ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัว ที่หมอจำได้เลย เห็นบ่อย ๆ ตอนเด็ก ๆ คือ ภาพดาราตลกในรายการทีวีที่เอาถาดตีไปหัวอีกคน แล้วก็ขำกันไป หมอเคยคุยกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง พ่อแม่พามาตรวจเพราะเด็กชอบแกล้งเพื่อน เช่น ตบศีรษะ ผลักที่ตัว ใช้ขาขัดเวลาเพื่อนเดินผ่าน เพื่อนที่ถูกแกล้งมักจะมีอาการเจ็บเนื้อเจ็บตัว เพราะเด็กตัวใหญ่ แรงมาก ตอนที่คุยกับเด็ก ถามว่าทำไมถึงไปแกล้งเพื่อนล่ะ เด็กก็ตอบแบบไม่คิดอะไรว่า “ผมก็แค่อยากจะทำสนุก ๆ…

Read more

เตรียมลูกให้พร้อม..พึ่งพาตัวเอง

ไม่กี่เดือนก่อน หมอได้ดูละครเรื่องหนึ่ง ในละครเป็นฉากที่พ่อและลูกสาวกำลังพูดคุยกัน “ห๊า! รถราคาสิบล้าน” “ค่ะ ถูกมากนะคะ คุณพ่อซื้อให้พิมพ์นะคะ” “แต่ว่า พ่อเพิ่งออกรถให้หนูใหม่ไม่ถึงสามเดือนนี้เองนะ พ่อว่าอะไรที่ไม่จำเป็นอย่าเพิ่งซื้อเลย รถที่บ้านก็มีเยอะแยะ” “โธ่ คุณพ่อ พิมพ์อยากได้คันใหม่ นะคุณพ่อ” ด้วยความที่เป็นลูกสาวสุดที่รักยิ่งกว่าแก้วตา ในที่สุดพ่อก็ซื้อรถให้พิมพ์ แม้ว่าธุรกิจของพ่อจะมีปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนัก ส่วนพิมพ์ก็ไม่เคยรู้ปัญหาของพ่อมาก่อนเลย แม่ของพิมพ์เสียไปตั้งแต่เด็ก เธอมีแต่พ่อที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งเลี้ยงเธออย่างเอาใจและตามใจทุกอย่าง เพราะพ่อมีฐานะร่ำรวย พิมพ์อยากได้อะไรพ่อก็ไม่เคยขัดใจ ทำให้เธอโตมาอย่างเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ประมาณโลกต้องหมุนรอบตัว วีนเหวี่ยงไปทุกเรื่องที่ไม่ตรงตามใจเธอ โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาพ่อเป็นที่พึ่งพาและเป็นทุกอย่างของพิมพ์ ทำให้พิมพ์ไม่เคยทุกข์ร้อนหรือผิดหวังจากเรื่องใดๆ เพราะมีพ่อคอยช่วยเหลืออุ้มชูเสมอมา จนวันหนึ่งที่พ่อจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ พร้อมกับทิ้งหนี้สินไว้กับธุรกิจล้มละลาย ชีวิตของพิมพ์ จากที่เป็นเหมือนกับหงส์ที่เฉิดฉาย ก็กลายเป็นดั่งหงส์ปีกหัก มีคำพูดหนึ่งของพ่อที่พูดไว้ก่อนที่จะจากไป “พิมพ์ ชีวิตของคนเรามันไม่แน่นอน พ่ออยากให้ลูกจำไว้ว่า ถ้าวันหนึ่งพ่อไม่มีเงินให้ลูกใช้เหมือนทุกวันนี้ แต่พ่อก็ยังรักลูกที่สุด” แต่การที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาเป็นคนที่พึ่งพาตัวเองได้ ความรักของพ่อแม่อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ คงจะต้องมีทักษะชีวิตอื่นๆ ที่พ่อแม่ต้องปลูกฝังให้เด็กคนหนึ่งเรียนรู้ เพราะในชีวิตจริง ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ เวลาที่เป็นเด็กเล็กๆ สิ่งที่เด็กๆ อยากได้อาจจะเป็นของเล่น พอโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นอาจอยากได้เสื้อผ้าใหม่ๆ รองเท้าสวยๆ หรืออย่างพิมพ์ที่อยากได้รถราคาแพง สิ่งของเหล่านี้ เงินซื้อมาได้ ถ้าหากมีเงินพอก็คงไม่ยากที่จะทำตามความต้องการ แต่ในชีวิตเราของบางอย่างที่ปรารถนา เงินอาจซื้อหามาไม่ได้ เช่น เพื่อนที่จริงใจ ความรักที่ดี สิ่งเหล่านี้ต้องแลกมาด้วยความจริงใจ…

Read more

เตรียมลูกเข้าโรงเรียน

ตั้งแต่คลอด เด็กๆ มักแวดล้อมไปด้วยพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย หากพ่อแม่และบุคคลใกล้ชิดให้ความรักอย่างสม่ำเสมอ ตอบสนองอย่างเหมาะสม และสนับสนุนพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ลูกก็น่าจะเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่มั่นใจและพร้อมจะเผชิญโลกกว้างได้ เมื่ออายุ 2-3 ปี เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มเข้าโรงเรียน การปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ก็ไม่น่ายากนัก แต่หากพ่อแม่ไม่ได้เตรียมพร้อมก็อาจทำให้การปรับตัวเป็นไปได้ยาก พ่อแม่สามารถช่วยให้ลูกประสบความสำเร็จ ในการปรับตัวกับการเข้าโรงเรียนได้โดยช่วยลูก เตรียมพร้อมในหลายๆ ประเด็น ดังต่อไปนี้ ให้ความสัมพันธ์ที่มั่นคง ความสัมพันธ์หรือความผูกพันที่มั่นคงเกิดจากการที่ลูกกับพ่อแม่มีปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ได้ และเหมาะสม เด็กเล็กต้องการการสัมผัส การโอบกอด การเล่น ที่เขารู้สึกได้ว่ามีความสนุกร่วมกัน มีความสนใจร่วมกัน รวมทั้งมีการชื่นชมด้วยหากมีโอกาส ความผูกพันที่มั่นคงนี้ จะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นคงในอารมณ์และมั่นใจในตนเองตามมา ให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ช่วยเหลือตัวเองเท่าที่จะทำได้ในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง เช่น การอาบน้ำ การแต่งตัว การใส่รองเท้า การกินข้าว การเก็บของเล่น เป็นต้น แน่นอนในวัย 2-3 ปี ยังทำกิจวัตรเหล่านี้ได้ไม่สมบูรณ์ แต่พ่อแม่ก็ควรเปิดโอกาสให้ทำเองโดยไม่ต้องคาดหวังผลเลิศนัก ในการกินลูกอาจจะยังใช้ช้อนไม่คล่อง อาจใช้มือหยิบจับของเข้าปากบ้าง อาจหกเลอะเทอะบ้าง พ่อแม่ต้องยอมให้เกิดขึ้นได้โดยไม่หงุดหงิด พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมหากลูกทำได้ดี ในการ แต่งตัวลูกอาจเก้ ๆ กัง ๆ พ่อแม่ก็คงต้องเข้าไปช่วยบ้างตามความเหมาะสม…

Read more