คุณพ่อคุณแม่เคยนึกมั้ยคะว่า จะเตรียมอะไรมอบเป็นของขวัญให้ลูกแรกเกิดและยังสร้างความประทับใจให้กับเขาไปจนถึงตอนโต
ขอแนะนำ Horokid หนังสือคำทำนายที่คุณพ่อคุณแม่สร้างเพื่อลูกโดยเฉพาะ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำให้กับเด็ก ๆ ค่ะ
เนื้อหาในหนังสือเกี่ยวกับอะไรนะ ?ภายในหนังสือจะบอกเล่าถึงลักษณะนิสัยของเด็กตามช่วงเวลาเกิดของเด็กแต่ละคน บอกปีนักษัตร ราศีเกิด โดยคุณพ่อคุณแม่เป็นคนสร้างเนื้อหาจากการใส่ข้อมูล วัน เดือน ปีเกิด กรุ๊ปเลือด ของลูก แล้วคุณพ่อคุณแม่ยังเขียนคำอวยพรจากใจสู่ลูกได้ด้วยนะคะ
ถ้าอยากสร้างให้ลูกรักซักเล่มนึงต้องทำยังไงบ้าง ?ง่ายมาก ๆ ค่ะ เข้าไปในเว็บไซต์ Horokid เข้าไปกรอกข้อมูล ใส่ชื่อลูก วันเดือนปีเกิดของลูก พิมพ์คำอวยพรหรือข้อความซึ้ง ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่อยากจะบอกลูก ไม่เกิน 10 วันก็จะได้รับหนังสือส่งมาทางไปรษณีย์ค่ะ
เท่านี้คุณพ่อคุณแม่ก็จะได้ของขวัญชิ้นพิเศษสุดที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกมอบให้ลูกรักแล้วค่ะ
เด็กแต่ละคนเกิดมามีบุคลิกลักษณะต่างกันไป ความเชื่อเรื่องโชคชะตาราศีก็เป็นเรื่องน่าสนุกอีกเรื่องหนึ่งที่คุณแม่หลายท่านชื่นชอบ Mother&Care จึงนำเสนอให้คุณแม่ได้อ่านกันค่ะมาดูกันว่าโชคชะตาราศีตามเดือนเกิดมีผลต่อนิสัยใจคอ ความชอบ ความสามารถของลูกอย่างไรบ้าง ทำความรู้จักเด็ก ๆ แต่ละราศีเกิดทั้ง 12 ราศีดูซิว่าจะตรงกับลูกน้อยบ้างมั้ยน้า
ลูกน้อยราศีเมษ : 21 มีนาคม -19 เมษายน หนูน้อยราศีเมษเป็นเด็กค่อนข้างเงียบ เก็บตัว เหมือนจะไม่โดดเด่น แต่ถ้าวันหนึ่งเขาเปล่งประกายขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสนใจนะคะชาวเมษหลายคนมีแนวโน้มชอบคุณพ่อมากกว่าเพราะสัญลักษณ์เมษเป็นเพศชาย มีนิสัยรักอิสระ ชอบความเร็ว ชอบสีสดใส รักการแต่งตัว เป็นผู้นำตั้งแต่เกิด บางทีก็จะดูชอบทำตัวเป็นบอส แต่ก็รักพี่รักน้อง
เลี้ยงลูกชาวเมษ ลูกแกะน้อยเป็นเด็กแอคทีฟพลังงานเปี่ยมล้น ต้องจับตาดูให้ดีโดยเฉพาะตอนเริ่มหัดเดิน ระวังจะพุ่งออกประตู เขามีโอกาสพลัดตกหกล้ม หัวกระแทก มากกว่าเด็กราศีอื่น บ้านต้องมีอุปกรณ์กันกระแทก หุ้มโต๊ะเก้าอี้ไว้ เป็นเด็กช่างเลือกจะเลือกกินแต่ของที่ตัวเองชอบซ้ำ ๆ ต้องชวนให้ลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง
เพราะว่องไวและแรงเยอะ แนะนำของเล่นประเภททุบหรือชกได้ รถแข่ง เครื่องยนต์กลไก เกมทายปัญหา บัตรคำ เกมความรู้ ให้เขาเป็นตัวของตัวเอง มีเวลาส่วนตัว อย่าบังคับให้เล่นกับเด็กอื่นถ้าเขาไม่อยู่ในอารมณ์ ราศีนี้มีเหวี่ยงวีน อย่าสปอยล์ ให้เขาเรียนรู้กฎกติกา เพราะเป็นเด็กฉลาดถ้าพูดเหตุผลกับเขาตรง ๆ…
แม่ ๆ หลายคนรายได้ต่อเดือนเยอะมากแต่เก็บเงินไม่ได้ทำยังไงดี ?
แนะนำให้แม่ ๆ ที่มีรายได้สูงลงทุนในสินทรัพย์ที่มีค่าตอบแทนสูง ดูว่าตัวคุณแม่เองชอบอะไร อย่างเช่น คุณแม่ชอบกระเป๋าแบรนด์เนม พวกกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ด ราคาจะขึ้น ผลตอบแทนค่อนข้างมากกว่ากองทุนรวม มากกว่าสินทรัพย์ปกติ คุณแม่เองก็ชอบด้วยเมื่อออมในรูปนี้ ส่วนคุณพ่อเก็บที่ไหนดี คุณพ่อบางคนชอบพระเครื่อง ชอบรถ อย่างเช่น ซูเปอร์คาร์ 3 ล้านบาทซื้อมามือสองเอาไปประมูลขายได้ 7 ล้านในเวลาไม่นาน
การลงทุนให้ได้กำไรอยู่ที่การบริหารจัดการครับ ประโยคที่ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุน” เป็นความจริงมาตลอด การลงทุนมีทั้งการลงทุนแบบเสี่ยงน้อย เสี่ยงกลาง และเสี่ยงมาก
แล้วคุณแม่ควรลงทุนแบบไหน ?
คุณแม่อาจเคยได้ยินคำว่า กองทุนรวม ตราสารหนี้ หรือหุ้นมาบ้างใช่มั้ยครับ ถ้าอยากลงทุนในสิ่งที่น่าเชื่อถือมาก ๆ ลงทุนไปแล้วได้ผลกลับมา เงินที่ลงทุนไปไม่หายมีครับ เราต้องบริหารความเสี่ยง ยกตัวอย่างคุณแม่ออมเงิน 1 ปีสำหรับการศึกษาลูกได้ 70,000 บาท เราจะแบ่งการออมออกเป็นส่วน ๆ เงินนี้เป็นเงินที่ต้องไม่หายไปไหนใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นเราก็จะแบ่งเงินเป็น 3…
คุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบในการฝึกลูกตั้งแต่เล็กให้เขารู้จักรักการออมค่ะ ทำไมต้นแบบที่ดีจึงสำคัญ นั่นก็เพราะเด็กซึมซับพฤติกรรมและทำตามได้ดีกว่าการอบรมสั่งสอนด้วยคำพูด ขอแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ในการสอนการออมให้ลูก 5 ข้อค่ะ
1.คุณแม่เองต้องใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล ไม่ชอปฯ เยอะให้ลูกเห็นนะคะ
2.เป็นตัวอย่างการใช้อย่างคุ้มค่า เช่น ไม่กินเหลือทิ้ง เมื่อใช้ไฟเสร็จแล้วปิดทุกครั้ง ใช้น้ำอย่างประหยัด สอนให้ลูกดูแลรักษาของเล่นหรือของใช้ของเขาเอง ฯลฯ อธิบายให้ลูกฟังเพื่ปลูกฝังความคิดให้เขาด้วยค่ะ
3.พาลูกไปซื้อของ ชวนลูกดูคุณแม่จดรายการของที่จะซื้อ แล้วพยายามซื้อตามรายการ ตั้งงบ เวลาซื้อเปรียบเทียบราคากับคุณภาพ คุณพ่อคุณแม่พูดคุยกันเองหรือเล่าให้ลูกฟังก็ได้ค่ะ
4.หากระปุกออมสินให้ลูกหยอดตั้งแต่เล็ก ชวนนับเงินเมื่อเต็มกระปุก พาลูกไปฝากเงินที่ธนาคาร
5.ถ้าลูกอยากได้ของเล่นราคาแพง ชวนเขาเก็บเงินส่วนหนึ่งอีกส่วนคุณพ่อคุณแม่ช่วยออก ถ้าลูกพยายามเก็บก็อาจให้เพิ่มเป็นรางวัลกระตุ้นให้เขาออม การเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เล็กจะเป็นการปูพื้นฐานวินัยการออมให้กับลูกค่ะ
เมื่อเตรียมมีสมาชิกใหม่ในครอบครัวตัวน้อย ๆ เพิ่มขึ้นมาคุณแม่วางแผนการเงินไว้หรือยังคะ ยุคนี้เลี้ยงลูก 1 คนให้เรียนจบปริญญาตรีหรือโทค่าใช้จ่ายสูงมาก ลองบวกลบคูณหารแล้วอาจตกใจก็เป็นได้
ทั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมงบสำหรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้างมาดูกันค่ะ
เริ่มจ่ายตั้งแต่ก่อนท้อง ทั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องไปตรวจร่างกายเพื่อดูความพร้อมของร่างกาย มีโรคอันตรายต่อการตั้งครรภ์ เช่น ธาลัสซีเมีย เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์ ฯลฯ หรือเปล่า ดูภูมิคุ้มกัน ตรวจมดลูก ซักประวัติครอบครัว การใช้ยา ฯลฯ
จ่ายตอนท้อง ค่าฝากครรภ์ คุณแม่บางคนอาจต้องจ่ายเพิ่มบางรายการ เช่น ยา วัคซีน อัลตราซาวนด์ ถ้าเป็นครรภ์ที่ต้องได้รับการดูแลพิเศษก็อาจมีค่าใช้จ่ายงอกเพิ่ม มีค่าเสื้อผ้าชุดชั้นในแม่ท้อง
จ่ายค่าของใช้ลูก ของใช้ที่ต้องเตรียมไว้ก่อนคลอด เช่น เตียง เปล คอกเด็ก เสื้อผ้าลูก ที่ปั๊มนม ฯลฯ ยืมได้จะประหยัดไปมาก อย่าไปรวมจ่ายรวดเดียวตอนคลอดนอกจากไม่ทันใช้แล้วยังต้องจ่ายหนักด้วยค่ะ
จ่ายตอนคลอด ค่าใช้จ่ายถูกแพงต่างกันไป ราคาต่ำสุดคือคลอดเองโรงพยาบาลรัฐฯ ผ่าคลอดจะแพงขึ้นอีก โรงพยาบาล เอกชนจ่ายแพงกว่าทั้งคลอดเองและผ่าคลอด ครรภ์ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษต้องเตรียมงบเพิ่มไว้นะคะ
จ่ายหลังคลอด …
อาหารการกินก็เป็นอีกเรื่องที่สิ้นเปลืองเวลาของแม่ ๆ ค่ะ ต้องมานั่งคิดเมนูว่าจะให้ลูกกินอะไรดี ของคุณพ่อคุณแม่เองก็ต้ต้องเตรียมหาไว้ในแต่ละมื้อ ตอนคิดนี่ละยุ่งเพราะคิดไม่ออกว่าจะหม่ำอะไรดี คุณแม่ลองวางระบบดูค่ะ
1.เซ็ทเมนูเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนไปเลยค่ะ ทำรายการไว้ว่าแต่ละวันจะทำหรือซื้อจากร้านไหนบ้าง ไม่ต้องนั่งคิดทีละวัน พอเซ็ทเป็นรายเดือนก็จะใช้ได้ตลอด ลดปัญหากินซ้ำ ๆ น่าเบื่อลงไปได้ค่ะ
2.อาหารลูกเล็กวัยทารกหม่ำนิดเดียวแต่ทำทีนึงมากสำหรับ 1 มื้อ คุณแม่แบ่งแพ็กใส่กล่องเข้าช่องแข็งไว้ค่ะ เอามาสลับให้ลูกหม่ำได้ แปะวันที่ด้วยนะคะจะได้ไม่เก่าเก็บเกินไป
3.แช่แข็งเตรียมไว้ เช่น น้ำซุป หรือหั่นเนื้อสัตว์แบ่งเก็บเข้าช่องแข็งไว้ หรือปรุงให้สุกก่อนแช่แข็งก็สะดวก พวกข้าวโพด แคร์รอต มันฝรั่ง ถั่วลันเตา ผักโขม แช่แข็งงได้นะคะ แพ็กกล่องขนาดพอดีมื้อ เช้าขึ้นมาอยากทำเมนูไหนง่ายนิดเดียวค่ะ
แค่จัดระเบียบการเตรียมอาหารก็ช่วยให้คุณแม่หายยุ่งหัวฟูได้แล้วค่ะ
จริงค่ะคุณแม่ การทำกิจวัตรประจำวันตามตารางเวลาช่วยลดความวุ่นวายสับสน แล้วยังช่วยลดอาการลืมโน่นลืมนี่ด้วยค่ะ และข้อดีที่คุณแม่น่าจะชอบก็คือช่วยให้ดูแลลูกง่ายขึ้น
สำหรับคุณลูก คุณแม่กำหนดเวลาตั้งแต่ตื่นนอน กินนม อาบน้ำ นอน เล่น ฯลฯ พยายามทำตามเวลาทุกวันสำหรับกิจวัตรหลัก ๆ ลูกจะเคยชินกับกิจวัตรประจำวัน รับรู้ว่าเวลาไหนเขาต้องทำอะไรก็จะโยเยน้อยลง
สำหรับคุณแม่ คุณแม่อาจจะวางแพลนไว้เลย เช่น จะล้างขวดนมเวลาไหน ทำความสะอาดบ้านวันไหนบ้าง ทำอาหารสัปดาห์ละกี่ครั้ง ซื้อกี่ครั้ง อาจจะเขียนลิสต์เมนูไว้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดทุกวัน กำหนดว่าจะซื้อของ จ่ายค่ารายเดือนต่าง ๆ วันไหน ให้คุณพ่อช่วยงานบ้านวันไหนบ้าง ฯลฯ อย่าลืมใส่เวลาพักไปในตารางด้วยนะคะ
ทำตามตารางแต่อย่าเป๊ะมากนะคะจะได้ไม่เครียด ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ในแต่ละวัน แค่พยายามรักษาให้อยู่ในเวลาไว้ พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางคุณแม่ก็จะสบายขึ้นมากค่ะ
working momต้องออกจากบ้านไปทำงาน ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าสุด ๆ ใช่มั้ยคะ คุณแม่อาจจะเสียเวลากับกิจวัตรประจำวันไปมากโดยไม่รู้ตัว เรื่องไหนจุกจิกไม่จำเป็นตัดทิ้งไป จะช่วยให้คุณแม่ลดความเครียดและเหนื่อยน้อยลงเพราะได้เวลากลับคืนมาค่ะ
มี 5 เคล็ดลับดี ๆ มาฝากค่ะ
1.เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่ายเดรสตัวเดียวเก๋ ๆ ก็พร้อมออกจากบ้าน ไม่ต้องเสียเวลามาคิดว่าจะใส่กับเสื้อกับกระโปรงหรือกางเกงตัวไหนดี
2.ตอนกลางคืนคิดไว้เลยว่าพรุ่งนี้จะใส่ชุดไหน ถ้าวางไว้ด้วยกันให้ครบทั้งเซ็ทเครื่องประดับเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าได้ละก็ทุกอย่างจะเร็วมาก
3.ลดงานบ้านไม่จำเป็น บ้านไม่ต้องสะอาดทุกมุมทุกเวลา ห้องไหนไม่ใช่ปิดไว้มีเวลาค่อยทำความสะอาด เลือกเสื้อผ้าที่ไม่ต้องรีด เวลาตากผ้าสะบัดให้เรียบก็ช่วยได้ค่ะ ผ้าบางอย่างไม่ต้องรีดก็ดูเรียบใช้ได้
4.ซื้อของทีละล็อตใหญ่ เลิกซื้อจุกจิก ทำลิสต์รายการไว้ว่ารายอาทิตย์หรือรายเดือนจะซื้ออะไรบ้าง
5.เลี่ยงการชอปปิง จ่ายค่าต่าง ๆ ติดต่อธนาคารในเวลาที่คนเยอะหรือจราจรหนาแน่น
พอแม่ไม่ยุ่งไม่เครียดก็จะอารมณ์ดีมีเวลาอยู่กับลูกอย่างมีคุณภาพเพิ่มขึ้นค่ะ
คนที่มีระเบียบจะว่าเป็นคนโชคดีก็ได้ค่ะคุณแม่ เพราะทุกอย่างจะง่ายขึ้นมาก เอาละเรามาจัดระเบียบเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านกันค่ะ
1.รวมไว้ในที่เดียวกัน
การจัดรวมไว้ในจุดเดียวกัน จะวางบนโต๊ะ ใส่ตะกร้า ใส่ลิ้นชัก ไว้เป็นหมวดหมู่ไว้ในจุดหยิบง่ายใช้สะดวก ไม่ต้องเดินไปห้องโน้นทีห้องนี้ที เช่น อุปกรณ์อาบน้ำลูก ชุดทำอาหารของลูก หรือพวก กุญแจ แว่นตา โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
2.ใช้แล้วรีบเก็บ
ฝีกให้เคยชินทั้งคุณแม่และคุณพ่อค่ะ เวลาใช้อุปกรณ์เครื่องใช้เสร็จแล้วอย่าวางทิ้งไว้ เพราะบ้านหรือโต๊ะทำงานจะรกมากเพราะจะค่อย ๆ กองสะสมทีละน้อย ฝึกลูกให้เล่นของเล่นแล้วเก็บทุกครั้งคุณแม่จะไม่ต้องมาตามเก็บบ้านก็ไม่รกค่ะ
3.เก็บเรียบ
ของใช้หรือของตกแต่งบ้านที่ไม่ได้ใช้หรือเบื่อแล้วอย่าวางรับฝุ่นค่ะ เก็บเข้าตู้ เข้าห้องเก็บของ แพ็กใส่ลัง ไม่ใช้บริจาคไป ประหยัดเวลาทำความสะอาด บ้านก็ดูโล่งสบายตาด้วยค่ะ
ลองดูนะคะคุณแม่ จะได้มีเวลาพักเพิ่มขึ้นรีแล็กซ์มากขึ้นค่ะ
หลายงานวิจัยกล่าวว่าการทำงานหลายอย่างพร้อมกันหรือ multitask อาจทำร้ายสมองของเราค่ะ แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ถ้าคุณแม่ไม่ได้ทำงานที่ต้องใช้พลังสมองไปกับการงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
ระหว่างคุณแม่ทำงานบ้านหรือเตรียมสิ่งต่าง ๆ เพื่อลูกคุณแม่สามารถทำอะไรได้บ้างโดยไม่ต้องใช้งานสมองหนักหน่วง
ชวนลูกคุยระหว่างจัดเก็บของหรือทำความสะอาดบ้าน เล่าให้ลูกฟังว่าคุณแม่กำลังทำอะไร เป็นการสอนลูกให้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และฝึกการใช้ภาษาให้ลูกไปในตัว ระหว่างจัดเก็บของหรือพับผ้าคุณแม่อาจนั่งพับกับลูก จัดผ้ากองนึงไว้ให้ลูกพับเล่นกองยุ่ง ๆ ไม่เป็นไร หรือส่งของเล่นให้เขาได้นั่งเล่นใกล้คุณแม่ ตอนคุณแม่อาบน้ำอาจทำความสะอาดห้องน้ำแค่บางส่วน เช่น ขัดอ่างล้างหน้า ขัดพื้น หรือผนังด้านเดียวก่อน ฯลฯ เวลาทำงานบ้าน เปิดเพลงฟังไปด้วยเป็นการสร้างความผ่อนคลายให้กับตัวเอง เปิดดูคลิปวิดีโอหรือดูหนังไปพร้อม ๆ กับการออกกำลังกาย
Multitask แบบนี้สมองไม่ล้าแล้วยังได้ประโยชน์เพิ่มเป็น 2 เท่าด้วยค่ะ