เมื่อเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ
น้อยๆ ขึ้นกับลูกวัยกำลังซน เช่น หกล้ม เดินชนโต๊ะ ฯลฯ
คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักแสดงปฏิกิริยาตกอกตกใจออกมาโดยอัตโนมัติ
ตามสัญชาตญาณความห่วงใยที่มีต่อลูก ขณะเดียวกันเด็กๆ
ก็มักจะมองหาคุณพ่อคุณแม่ทันทีที่รู้สึกเจ็บ กลัว หรือตกใจ
ด้วยเหตุนี้ท่าทีที่ผู้ปกครองแสดงออก
จึงเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดว่าเด็กน้อยจะตอบสนองต่อสถานการณ์นั้นอย่างไร หากคุณพ่อคุณแม่โวยวายเสียงดัง
เด็กจะรู้สึกว่าการหกล้มเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งนั่นอาจทำให้เขายิ่งร้องไห้จ้าเสียงดังลั่น
ดังนั้น อันดับแรกผู้ปกครองจึงไม่ควรโวยวาย
แม้จะรู้สึกใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มก็ต้องสงบสติอารมณ์ไว้
เพื่อแสดงออกให้ลูกรับรู้ว่าการหกล้มเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต
เมื่อล้มแล้วก็สามารถลุกขึ้นใหม่ได้ นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ ยังไม่ควรซ้ำเติมลูกด้วยการตำหนิว่าไม่ระมัดระวังหรือซุกซนเกินเหตุ
เพราะเขาอาจสูญเสียความมั่นใจและรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ถ้าเด็กๆ
ล้มโดยไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก คุณพ่อคุณแม่ควรยืนมองอยู่ห่างๆ และคอยให้กำลังใจ
เมื่อเขาสามารถลุกขึ้นเองได้ ก็เอ่ยปากชมสักหน่อยว่า “เก่งมากๆ เลยนะลูก
ที่ล้มแล้วลุกขึ้นเองได้” แต่ถ้าลูกร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บ
ก็ไม่ควรไปโกหกว่า “ไม่เจ็บหรอก
ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” เพราะเด็กจะรู้สึกว่าเขาถูกปฏิเสธตัวตนและไม่ได้รับการยอมรับความรู้สึก
อาจทำให้เขายิ่งร้องไห้และไม่กล้าบอกความรู้สึกที่แท้จริงกับคุณพ่อคุณแม่ในครั้งต่อๆ
ไปที่เกิดปัญหา สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือการโอบกอดและปลอบโยนโดยไม่โอ๋มากเกินไป
ไม่ต้องบอกเขาว่าจะตีพื้นหรือโต๊ะที่ทำให้หนูเจ็บ
หรือกล่าวโทษพี่เลี้ยงที่ดูแลไม่ดี เพราะยิ่งจะเป็นการปลูกฝังนิสัยโทษคนอื่นเมื่อเกิดความผิดพลาดแค่ถามลูกว่าเขาโอเคไหม
อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดของหนู
และไม่นานความเจ็บนี้ก็จะหายไป เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ยิ่งถ้าไม่ได้บาดเจ็บรุนแรง
ร้องไห้ไม่กี่นาทีเดี๋ยวเด็กๆ ก็กลับไปวิ่งปร๋อได้แล้ว
สิ่งสำคัญในการประคับคองลูกน้อยยามหกล้ม คือการสอนให้เขาตระหนักว่าถ้าล้มแล้วจะเจ็บ
ครั้งต่อไปต้องระมัดระวังมากขึ้น รวมถึงสร้างความมั่นใจให้ลูกรู้สึกว่าเขาเก่งพอที่จะลุกขึ้นใหม่ได้ด้วยตัวเอง
ไม่ว่าในอนาคตจะต้องหกล้มอีกกี่ครั้ง
หรือต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ก็ตาม
